องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1105

คนวัยชราอย่างจางเป่ยได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สักพักก็คลายลง ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ฝ่าบาทช่างเป็นจักรพรรดิที่มีจิตใจเมตตาจริงๆ ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก!”

จักรพรรดินีพยักหน้า มองไปทางจางเป่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร และกำลังรอให้จางเป่ยพูดต่อ

จางเป่ยยกแก้วน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา จากนั้นก็จิบเข้าไปเบาๆ เพื่อให้ลำคอชุ่มชื่น แล้วยิ้มเบาๆพลางเอ่ยขึ้นว่า

“สิ่งที่ฝ่าบาทกล่าวมานั้นมีเหตุผลอย่างยิ่ง การสู้รบระหว่างแคว้นหนานกับราชวงศ์อู่ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างความขัดแย้งฉันพี่น้อง คนที่ต้องเดือดร้อนก็คือเหล่าราษฎร สงครามครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นจริงๆ”

เฟิงอู่หังที่อยู่ด้านข้างพูดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ว่า “ใต้เท้าจาง แล้วท่านคิดเห็นอย่างไร? ยินดีจะสงบศึกหรือไม่?”

จางเป่ยยิ้มเบาๆ หันไปสบตาเฟิงอู่หัง แต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แล้วหันไปทางจักรพรรดินี เอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า

“การสู้รบระหว่างสองแคว้นตั้งแต่ไหนแต่ไรมา การเจรจาสงบศึกล้วนมีเงื่อนไข คิดว่าฝ่าบาทเองก็คงจะมีขอเรียกร้องบางอย่าง? ลองเสนอออกมาก่อนก็ได้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง”

จักรพรรดินียิ้ม แล้วหันไปมองดวงตาของจางเป่ย พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“ข้ามีเพียงข้อเดียวเท่านั้น…กองทัพสองแสนหกหมื่นนายที่อยู่ใต้บัญชาของใต้เท้าจาง เข้ามาร่วมอยู่ในกองทัพแคว้นหนาน เพื่อให้ข้าใช้!”

ได้ยินดังนี้ จางเป่ยก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

เขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่หูของตนได้ยิน?

มองหน้าจักรพรรดินีอย่างเหลือเชื่อ!

ท่านแน่ใจหรือว่านี่คือการสงบศึก?

ขอเรียกร้องนี้เหมือนจะไม่สมเหตุสมผล…ไม่ แบบนี้ไม่ใช่ข้อเรียกร้อง!

แต่เป็นการเอาเปรียบกันชัดๆ!

กำลังคุยกันอยู่ดีๆ แต่เมื่อเอ่ยปากขึ้นมาก็ทำให้ถึงกับต้องตะลึง?

จางเป่ยตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

เจี่ยงอิงสงที่อยู่ด้านหลัง รวมถึงทหารอีกจำนวนหนึ่ง ต่างก็พากันแสดงสีหน้าตกใจ!

จักรพรรดินีของแคว้นหนาน ดูเหมือนจะพูดจาไม่ค่อยเป็น…

บรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วครู่

“ฮาๆๆ”

จนเมื่อเสียงหัวเราะของจางเป่ยได้ทำลายบรรยากาศนิ่งเงียบนี้ กองทัพเหยียนโจวถึงได้มีสติกลับมา

จางเป่ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะมีอารมณ์ขันเช่นนี้”

แต่ทว่า

เมื่อกองทัพของจางเป่ยกลับเมืองเหยียนโจวแล้ว ประตูเมืองก็ปิดสนิท

ทั้งสองถึงได้ค่อยๆลุกขึ้นมา

เฟิงอู่หังเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ดูเหมือนจะใจร้อนเกินไปหรือเปล่า?”

จักรพรรดินีส่ายหน้า ยิ้มและเอ่ยว่า

“ต้องการให้กองทัพเหยียนโจวยอมจำนน เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ข้าแสดงเจตนาออกมาอย่างชัดเจน แม้จะตรงไปหน่อย แต่ก็ได้ทำตามกุนซือกำชับไว้ กระตุ้นจางเป่ย เพื่อทดสอบการตอบสนองของเขา เห็นทีคราวนี้ การชนะกองทัพเหยียนโจวสองแสนหกหมื่นนายนี้ เกรงว่าคงจะยากเย็นแสนเข็ญ ”

เฟิงอู่หังเหมือนเข้าใจขึ้นมา จึงพยักหน้าช้าๆ

จักรพรรดินีเอ่ยว่า “รอฟังคำตอบจากกุนซือก่อนเถอะ”

ทันใดนั้นก็ส่งจดหมายนกพิราบสื่อสารออกไป

ไม่นาน หลี่จุ่นที่พักอยู่โรงเตี๊ยมก็ได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสาร และหยิบจดหมายออกมาอ่าน ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า

“นึกไม่ถึง ผู้ควบคุมกองทัพเหยียนโจวคนนี้ ก็คือเจ้ากรมกลาโหมคนเดิมจางเป่ย? น่าสนใจจริงๆ”

ตาเฒ่าคนนี้ได้ลาออกไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว ทำไมถึงโผล่ออกมาที่นี่ได้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน