องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1108

ณ เมืองซ่างหยวน

ใบของต้นเฟิงนั้นเริ่มเป็นสีเหลืองอร่ามแล้ว ยามสายลมแห่งสารทพักผ่านก็เรียกให้ใบไม้เหล่านั้นปลิวร่วงไปตามพื้น

ทั่วพื้นเป็นสีเหลืองทอง งดงามอร่ามดุจทองคำ

แคว้นหนานและราชวงศ์อู่สู้รบกัน ขณะที่จักรพรรดิอู่แห่งราชวงศ์อู่บุกเข้ายึดเมืองหลวงของแคว้นหนาน ทำให้แคว้นหนานกลายเป็นอาณาเขตของราชวงศ์อู่

ทำให้ชาวแคว้นหนานหลายต่อหลายคนรู้สึกอัปยศอดสูอย่างหาที่สุดมิได้

แน่นอนว่ารวมถึงตระกูลเฟิงด้วย

ตระกูลเฟิงนั้นไม่เพียงแต่เป็นตระกูลขุนพล แต่ยังเป็นตระกูลหมอยาอีกด้วย

ไม่เพียงแต่จะมีหมอเทวดาเฟิงฉีถัว แต่ยังมีอัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นหนานคนปัจจุบันอย่างเฟิงเป่าจิน ก่อนหน้านี้ยังมีจอมทัพผู้ครอบครองกำลังทหารของทั้งแคว้นหนานอย่างเฟิงอู่หังอีกด้วย !

แม้บุรุษวัยผู้ใหญ่ของตระกูลเฟิงจะมีค่อนข้างน้อย แต่ก็เรียกได้ว่าร่ำรวย !

ตอนนี้ถือว่าแคว้นหนานเองก็ไม่มีอีกแล้ว ตระกูลเฟิงก็ย่อมรู้สึกแย่ตามไปด้วย

เฟิงเป่าหลินถึงกับไม่อยากขายหนังสือ วัน ๆ เอาแต่ทอดถอนใจ

คนเดียวที่ยังพอนับว่ามีความสุขของตระกูลเฟิงก็เหลือเพียงหนูน้อยเฟิงหลิงหวนที่ยังคงไม่เข้าใจอะไรมากนัก

ระยะนี้เจ้าหนูน้อยดีใจเป็นที่สุด

เพราะนางมีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

ใครกันน่ะหรือ ?

เสิ่นจิงหงน่ะสิ !

ในทุกวัน เสิ่นจิงหงจะเล่าเรื่องไซอิ๋ว เล่าเรื่องห้องสิน เล่าเรื่องสนุก ๆ ของราชวงศ์อู่ให้เจ้าหนูน้อยฟัง รวมถึงเรื่องที่ตัวเองไปประสบพบเจอมาในยุทธภพอีกด้วย

ราวกับว่าเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้แก่หนูน้อย เด็กน้อยมีความสุขมากถึงกับขอให้เสิ่นจิงหงเล่าให้ตนเองฟังทุกวัน

“พี่สาว แล้วต่อมาเป็นอย่างไรบ้างหรือ ? ปีศาจนั่นได้กินถังซัมจั๋งไปหรือไม่ ?”

เช้านี้นางเพิ่งจะได้กินข้าวเช้า เด็กสาวก็มาเคาะประตูห้องของเสิ่นจิงหง พอเข้ามาได้ก็เอ่ยปากถามทันที

เสิ่นจิงหงเองก็เพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จ เมื่อเห็นเฟิงหลิงหวนที่สวมเสื้อคลุมสีแดง ถักเปียสองข้างยืนอยู่หน้าห้อง ก็ดีใจขึ้นมาทันทีแล้วรีบเรียกให้เจ้าหนูน้อยเข้าไปนั่งในห้อง

“เมื่อวานเราเล่ากันถึงไหนแล้วนะ ?”

เจ้าหนุน้อยเอียงหัวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“เล่าถึงตอนที่ปีศาจปลาหลี่ที่กินเด็ก... เขาจับตัวถังซัมจั๋งไปแล้ว !“

เสิ่นจิ่งหงเผยรอยยิ้มบางก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้า

เพราะเล่าเรื่องไซอิ๋วให้เด็กน้อยตรงหน้านี้ฟังทุกวัน ทักษะในดารเล่าเรื่องของตนเองจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้นางเริ่มรู้จักทิ้งท้ายให้อีกฝ่ายรอคอยแล้ว

“ได้ แต่วันนี้พี่จะเล่าให้เจ้าฟังเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ หรือไม่อย่างนั้นพี่เล่าให้เจ้าฟังจนหมดเลยดีหรือไม่ ?” เสิ่นจิงหงอธิบายความ

เจ้าหนูน้อยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนนั้นมองไปยังเสิ่นจิงหง “เหตุใดจึงเป็นครั้งสุดท้ายเล่า ?”

แววตาของเสิ่นจิงหงฉายแววแห่งความปรารถนาขึ้น หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยเอ่ยตอบ

“เพราะพี่อยากจะไปตามพี่ท่านพี่จุ่นของเจ้าน่ะสิ...”

“ได้”

เมื่อเสิ่นจิงหงตอบพ่อบ้านแล้ว ก็ไปยังโถงรับแขกกับเฟิงหลิงหวน

เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วก็เห็นอาหยวนที่สวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อน รูปร่างหน้าตางดงาม กิริยาท่วงท่างามสง่ายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

“แม่นางอาหยวน !”

เสิ่นจิงหงรีบเดินเข้าไปทำมือเคารพทันที

เจ้าหนูน้อยเองก็ทักทายกับอาหยวนอย่างดีอกดีใจ

อาหยวนพูดกับเจ้าหนูน้อยอยู่สองสามคำ รอจนนางถอยออกไปแล้วจึงค่อยเอ่ยด้วยสีหน้าวิตกกังวล

“คุณหนูเสิ่น มีเรื่องหนึ่งที่เกรงว่าข้าจำเป็นต้องบอกท่าน เรื่องนี้ข้าตรึกครองมาหลายวันแล้ว วันนี้จึงค่อยกล้าที่จะมาบอกกับท่าน”

เมื่อเสิ่นจิงหงเห็นว่าสีหน้าของอาหยวนดูเคร่งเครียดก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

“แม่นางอาหยวนมีอะไรก็พูดเถอะ”

อาหยวนสูดลมหายใจเข้าจนลึก แล้วเอ่ยด้วยท่าทีทอดถอนใจ

“คุณหนูเสิ่น... เสิ่นคั่วเสิ่นไท่ฟู่... วายชนม์ไปนานแล้วเจ้าค่ะ”

เพียงเสิ่นจิงหงได้ยินก็ถึงกับตาค้าง สีหน้าซีดเผือดลงไปถนัดตา !

เป็นไปไม่ได้ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน