องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1110

เสิ่นเลี่ยไปไหนแล้วเล่า ?

แคว้นฉีน่ะสิ !

จากคำสั่งเสียของเสิ่นคั่ว เขาไปหาองค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวินที่แคว้นฉีจริง ๆ

คนที่ติดตามชายหนุ่มไปนั้นยังมีหม่าหยวนฮั่นและซ่งเซี่ยงอวี่ ผู้คุมกฎฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของลัทธิเทียนซาน

ทั้งสองคนบ้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ในยุทธภพตอนนี้ เรื่องความปลอดภัยของเสิ่นเลี่ยจึงมิใช่ปัญหา

เจียงเยว่ฉานเองก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณต่อเสิ่นคั่วอย่างถึงที่สุดแล้ว

ตอนนั้นลัทธิเทียนซานถูกเสิ่นคั่วและอวี่เหวินจิ้งล้อมสังหารจากสองฝั่งแรกเริ่มก็เจอกับและอวี่เหวินจิ้ง คนในลัทธิที่ตายด้วยน้ำมือของและอวี่เหวินจิ้งนั้นมีจำนวนไม่น้อย อันตรายยิ่งนัก

ยอดฝีมือในลัทธิต่อสู้จนคราบเลือดท่วมไปทั่วเส้นทาง กว่าที่เจ้าลัทธิคนก่อนจะพาพวกคนสำคัญของลัทธิบางส่วนหนีออกมาได้ แต่ก็มาเจอกับทัพใหญ่ของเสิ่นคั่วล้อมเอาไว้อีก

แต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือ

เสิ่นคั่วเพียงเรียกร้องขอบุญคุณกับเจ้าลัทธิคนก่อน และปล่อยพวกเขาไปก่อนที่พวกอวี่เหวินจิ้งจะมาถึง

ด้วยเหตุนี้ ลัทิเทียนซานจึงเดินทางไกลออกไปตั้งหลักปักฐานที่เขาเทียนซาน

และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของหลี่เจิ้ง

เมื่อตำแหน่งเจ้าลัทธิถูกส่งต่อมายังเจียงเยว่ฉาน นางก็ย่อมรับช่วงต่อของบุญคุณนี้มาด้วย

ด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้าที่ได้ข่าวเรื่องเสิ่นคั่ว เจียงเยว่ฉานจึงส่งผู้คุมกฎฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาไปทันทีโดยไม่คิดอะไรมาก

นางต้องการตอบแทนบุญคุณของเสิ่นคั่วให้หมดสิ้น

ดังนั้นพวกหม่าหยวนฮั่นจะต้องติดตามและคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เสิ่นเลี่ย จนกว่าเสิ่นเลี่ยจะทำธุระสำเร็จ

จะว่าไปแล้ว ในตอนนั้นมารดาของเสิ่นเลี่ยก็เป็นผู้คุมกฎของลัทธิเทียนซานเช่นกัน นับได้ว่าเป็นการตอบแทนไปยังผู้ล่วงลับ

ความปลอดภัยของเสิ่นเลี่ยไม่ใช่ปัญหา แล้วการอยู่รอดเล่า ?

การอยู่รอดนั้นอาจจะเป็นปัญหาใหญ่เลยก็ได้เป็นได้ !

เพราะตอนนี้เสิ่นเลี่ยกำลังขอข้าวกินอยู่ที่ถนนใหญ่ในเมืองหลวงของแคว้นฉี !

ในมือถือชามข้าวแตกร้าวพร้อมกับไม้เท้าตีสุนัขผมรุงรังหน้าตาสกปรก คุกเข่าอยู่ที่ริมถนน รอให้คนมาให้ทาน

ผู้คุมกฎฝ่ายซ้ายของลัทธิเทียนซานอย่างซ่งเซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างกายเขาก็มีสภาพตกต่ำไม่แพ้กัน

ซ่งเซี่ยงอวี่เคาะชามแตก ๆ ในมือ มีบ้างที่ลุกขึ้นเก็บเงินดาบที่คนสัญจรไปมาผู้มีจิตใจดีโยนมาให้

ใช่แล้ว เหรียญกษาปณ์ของแคว้นฉีคือเหรียญดาบ

เป็นเหรียญที่มีรูปร่างเหมือนดาบเล่มเล็ก ราคาประมาณสองเหรียญทองแดงของราชวงศ์อู่

แต่ก็ซื้อได้เพียงหมั่นโถวเช่นกัน

“พี่... พี่ซ่ง เราเลิกเคาะกันดีหรือไม่ ?” เสิ่นเลี่ยที่ฟังเสียงเคาะเสียจนรู้สึกหงุดหงิด เอ่ยห้ามอีกฝ่ายมิให้เคาะ

แต่เมื่อเสิ่นเลี่ยเอ่ยออกไป เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา

นั่นปะไร !

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เสิ่นเลี่ยก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ

“พี่ซ่ง ท่านรีบดูเร็วเข้า นั่นคือเกี้ยวของจวนอี้อ๋อง ! ในที่สุดอี้อ๋องก็ออกจากจวนแล้ว !“

พอซ่งเซี่ยงหนิงได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปมอง

แล้วก็ได้เห็นเกี้ยวของจวนอี้อ๋องจริง ๆ !

บ้าชะมัด !

พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นอี้อ๋องนี่ออกจากจวนเสียที !

เหตุใดจึงต้องเฝ้าน่ะหรือ ?

เพราะเขารู้ว่าองค์หญิงใหญ่อยู่ที่ใดน่ะสิ !

แต่เพราะจวนอี้อ๋องคุ้มกันแน่นหนา ทหารในจวนมีจำนวนมาก ต่อให้พวกเขามีวรยุทธสูงส่งก็ไม่กล้าเข้าไปถามโดยตรง ทำได้เพียงเฝ้าอยู่ด้านนอก

ไม่อย่างนั้นถ้ายอดฝีมืออย่างพวกเขาสองคนเข้าไปแล้ว เสิ่นเลี่ยจะทำอย่างไรได้เล่า ?

ก็ต้องโดนปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นสิ !

ตอนนี้อีกฝ่ายก็อุตส่าห์ออกมาแล้ว เช่นนั้นก็จับตัวไปซะเลยสิ !

ซ่งเซี่ยงอวี่โยนชามข้าวแตก ๆ แล้วมองด้วยสายตาอาฆาตพลางเอ่ย

“รีบไปบอกแค่แซ่หม่านั่นซะ ไม่ต้องคิดว่าจะเข้าไปในจวนอี้อ๋องได้อย่างไรแล้ว เราไปชิงตัวคนมาเลยแล้วกัน !“

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน