องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1115

ภายในค่ายทหารทัพเหยียนโจว

สีหน้าของจางเป่ยดูพึงพอใจไม่น้อย วิธีการถ่วงเวลาของเขานี้ทัพศัตรูย่อมต้องรู้ดี แล้วนี่เป็นเพราะเหตุใดกัน ?

เขาไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อไปถึงเจ็ดวัน แต่เพียงแค่ยื้อยุดเวลาสองวันเท่านั้น ทัพใหญ่ของเจิ้นเป่ยอ๋องก็จะเดินทางมาถึง

ใช่แล้ว ในยามที่องค์ชายสี่ยังไม่ล้มลง ในตอนที่เมืองเหยียนโจวถูกโอบล้อม ชายชราก็ได้ส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากเจิ้นเป่ยอ๋องแล้ว。

ส่วนทางเจิ้นเป่ยอ๋องก็ตอบกลับมาแล้วว่ากำลังยกทัพมา

เพียงแต่ระยะทางจากอำเภอผิงอันมาที่นี่นั้นไม่สั้นนัก การยกทัพต้องใช้เวล่เดือนประมาณสามวัน จนตอนนี้ก็ยังเดินทางไม่ถึง

แต่จะต้องมาถึงภายในสองวันแน่นอน

ด้วยเหตุนี้จึงทำเพียงแค่ยืดเวลาไปอีกวันสองวันก็พอ

ในเวลานี้ก็ให้อพยพชาวบ้าน จากนั้นทัพใหญ่ก็ถอยทัพไปทางตะวันออก ปล่อยทิ้งเมืองเหยียนโจวให้รกร้าง ปล่อยให้ทัพแคว้นหนานเข้ามาเอง

จากนั้นค่อยร่วมมือกับเจิ้นเป่ยอ๋องเข้ามาล้อมเมือง ล้อมทัพแคว้นรหนานไว้ไม่ให้มีทางหนีทีรอดได้ !

นี่ก็คือแผนของจางเป่ย !

ส่วนการเจรจาของตนกับจักรพรรดิหญิงแห่งแคว้นหนานในวันนี้ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเชื่อคำสัญญาของตนเองอยู่บ้าง

เช่นนั้นแล้ว ในสองวันนี้ก็ไม่น่ามีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอีก

อย่างน้อยทัพศัตรูก็ไม่มีทางรีบร้อนบุกเข้ามาโจมตีเมือง

จางเป่ยรีบถ่ายทอดคำสั่งไปยังผู้นำทัพทั้งหลาย ให้พวกเขาคอยระวังเอาไว้ตลอดเวลา เพราะถึงอย่างไรก็ประมาทไม่ได้

ทว่า

จางเป่ยยังไม่ทันได้ดีใจนานนัก ในยามคะวันตกดิน จดหมายจากจักรพรรดินีแห่งแคว้นหนานก็ถูกส่งมาถึงมือเขา

“นี่คืออะไรกัน ?”

จางเป่ยยืนนิ่ง หยิบจดหมายมาแล้วเปิดออกดู จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที “แย่แล้ว !”

ครั้นเมื่อเจียงเฟิงกับเจี่ยงอิงสงเห็นสีหน้าของจางเป่ยแล้วก็รีบถามขึ้นทันที

“ใต้เท้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ ?”

สีหน้าของจางเป่ยนั้นบอกบุญไม่รับยิ่งนัก พลางส่งจดหมายยื่นให้ทั้งสองคน

เมื่อทั้งสองคนได้เห็นก็พลอยมีสีหน้าที่ย่ำแย่ไปด้วย

เจียงเฟิงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเอ่ยขึ้น

“ใต้เท้า เกรงว่านี่จะเป็นแผนของศัตรู พวกเขาคิดจะหลอกพวกเรา !”

เจียงอิงสงไม่พูดอะไร

แต่เขาคิดว่าเจียงเฟิงพูดได้ถูกต้อง

ทัพศัตรูใช่ว่าจะกล้าโจมตีเมืองจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจกำลังหลอกพวกเขาอยู่

ทว่า

จางเป่ยกลับมีสีหน้าตึงเครียดพลางเอ่ยด้วยเสียงต่ำ

“ไม่ว่าอย่างไรเราจะใช้ชีวิตของชาวบ้านมาล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด ! รีบป้องกันชาวบ้านพาอพยพออกจากเมือง ไปยังตำบลผิงอัน !”

“ใต้เท้า นี่...”

เจียงเฟิงไม่นึกเห็นด้วยสักเท่าไรนัก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกจางเป่ยขัดขึ้นมา

สีหน้าของจางเป่ยดูตึงเครียดขึ้นมา เขาเงียบไปอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ

“ถ่ายทอดคำสั่งไปทั้งกองทัพ ให้รีบถอนทัพออกจากเมืองเหยียนโจว !”

“อะไรนะ ?!” คราวนี้แม้แต่เจี่ยงอิงสงก็พลอยงงไปด้วย

จะทิ้งเมืองเหยียนโจวไปอย่างนี้เลยหรือ ?!

นี่มันช่าง...

“ใต้เท้า จะยกเมืองเหยียนโจวให้พวกมันเช่นนี้... หรือ...” เจี่ยงอิงสงเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก งุนงงจนไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นประโยคได้สมบูรณ์

จางเป่ยจึงเอ่ยขึ้น

“เมืองเป็นของตาย แต่ชีวิตคนนั้นยังเป็น ๆ อยู่ ขอแค่ขุนเขายังคงอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีฟืนใช้ อีกอ ย่าง ขอแค่เมืองเหยียนโจวยังอยู่ เราย่อมต้องแย่งชิงกลับมาได้แน่นอน !“

เจี่ยงอิงสงกัดฟันกรอด ทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วถอนหายใจ ด้วยรู้สึกไม่อยากยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้

จางเป่ยรีบให้คนไปเรียกผู้นำของทั้งกองทัพมาให้หมดเพื่อเปิดหารือด่วนทันที

จากนั้น เหล่าผู้นำทัพก็รีบถอยออกจากเมืองเหยียนโจว โดยถอยไปถึงนอกเมืองฝั่งบูรพา แล้วค่อยคิดหาวิธีอีกที

พวกแม่ทัพต่างก็ไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน แต่แผนการของจางเป่ยนั้นถูกต้องแล้ว ทัพใหญ่จะสูญเสียไปมากกว่านี้ไม่ได้ แบบนี้จะไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์อู่ !

“แม่ทัพทุกท่าน ไม่ต้องกังวลไป ! ครั้งนี้พวกเรายอมทิ้งเมืองเหยียนโจวก็เป็นเพียงชั่วคราว รอให้กองทัพใหญ่ของเจิ้นเป่ยอ๋องเดินทางมาประสานทัพ ย่อมต้องสามารถแย่งชิงเมืองเหยียนโจวกลับมาได้แน่นอน !” จางเป่ยเอ่ยขึ้น

“ขอรับใต้เท้า !”

“พวกข้าน้อมรับคำสั่ง !”

“...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน