ครั้นเมื่อยามรัตติกาลมาเยือน
จันทราค่อย ๆ โผล่พ้นจากเมฆา ทั่วปฐพีราวกับถูกโปรยด้วยผงเงิน
ถึงยามไฮ่แล้ว
คบเพลิงที่นอกเมืองถูกจุดรายล้อม ทัพแคว้นหนานตั้งทัพอย่างเคร่งครัด
“รายงานขอรับ !”
เสียงรายงานดังขึ้นทำลายความเงียบ ดังไปถึงกระโจมทัพกลาง
“รายงานท่านจอมทัพ จู่ ๆ ทัพศัตรูก็ถอยทัพจากหัวเมือง ตอนนี้ที่กำแพงเมืองไร้ซึ่งทหารเฝ้าอารักขาขอรับ !“
เมื่อรายงานนี้ถูกรายงานไปยังกระโจมทัพกลาง จักรพรรดินีและหลี่จุ่นรวมถึงเฟิงอู่หังก็พากันตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?!” เฟิงอู่หังเอ่ยถามเป็นคนแรก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง“
จักรพรรดินีเองก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองทางหลี่จุ่น
หลี่จุ่นเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถาม “หน่วยสอดแนมที่ประตูเมืองบูรพาได้รายงานกลับมาหรือไม่ ?”
ทหารส่งสารรีบส่ายหัวทันที
หลี่จุ่นจึงพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ “ได้ เจ้าออกไปก่อน รอให้หน่วยสอดแนมที่ประตูเมืองบูรพากลับมารายงานเสียก่อน”
“ขอรับ !” ว่าแล้วทหารส่งสารก็รีบออกไปจากกระโจมทันที
จักรพรรดินีจึงเอ่ยขึ้ยมา “ท่านกุนซือ ความหมายของท่านคือทัพศัตรูอาจจะถอยทัพออกจากเมืองเหยียนโจวแล้วหรือ ?”
เฟิงอู่หังได้ยินดังนั้นก็ตกใจเสียยิ่งกว่าอะไร !
หลี่จุ่นพยักหน้า “มีโอกาสสูงพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ยังต้องรอให้หน่วยสอดแนมทางประตูเมืองบูรพามารายงานก่อน”
“หากถอนทัพออกจากเมืองเหยียนโจว แปลว่าพวกมันไม่เอาเมืองเหยียนโจวแล้วหรือ ?” เฟิงอู่หังใช้มือจับเคราของตนเองไว้ด้วยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน“
หลี่จุ่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“ข้าคิดว่าด้วยนิสัยของจางเป่ยแล้ว เกรงว่าคงคิดที่จะใช้กลยุทธ์เปลี่ยนเจ้าเรือนเป็นแขก แล้วจึงค่อยเปลี่ยนแขกเป็นเจ้าเรือน เขาอยากจะสลับตำแหน่งกับเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของจักรพรรดินีก็หรี่เล็กลงราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ท่านกุนซือหมายความว่า จางเอ่ยคิดตะรอให้พวกเราเข้ายกทัพเมืองแล้วจึงค่อยโอบล้อมเมืองอีกที เพื่อล้อมทัพปิดตายพวกเราน่ะหรือ ?”
หลี่จุ่นเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เพราะถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา !
ทว่า ตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น
เฟิงอู่หังจึงเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะทันที
“ฮ่า ๆ ๆ ใต้เท้าจางผู้นี้ช่างกล้าคิดเสียจริง พวกเขามีกำลังพลเพียงสองแสนหกหมื่นนายก็คิดจะล้อมทัพพวกเราหรือ ? ช่างน่าขันยิ่งนัก ! ข้าจะยกทัพไปสังหาระวกมันเสียให้หมด !”
ตอนนี้ในมือของทัพแคว้นหนานยังมีทหารเชลยของเมืองเหยียนโจวอีกสองหมื่นกว่าคนอยู่ในมือ
แต่หลี่จุ่นกลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ท่านจอมทัพ ตำบลผิงอันยังมีเจิ้นเป่ยอ๋องอยู่ ไม่แน่ว่าทัพใหญ่ของเจิ้นเป่ยอ๋องอาจจะตามมาสมทบด้วยก็เป็นได้นะ”
หลี่จุ่นลอบถอนหายใจ ดูท่าแล้วทัพเหยียนโจวนี้คงยึดครองไม่ได้เป็นการชั่วคราวเสียแล้ว
ออกแรงไปมากถึงเพียงนี้ เขารู้สึกไม่อยากยอมแพ้ขึ้นมาบ้าง
จักรพรรดินีเหลือบมองหลี่จุ่น รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่สับสนของเขาจึงเอ่ยขึ้น
เฟิงอู่หังได้ยินดังนั้นก็นึกดีใจยิ่งนัก จึงเสนอความเห็นขึ้นมา
“เจ้าหนุ แล้วเช่นนั้นยังจะรออะไรอีก เข้าไปบุกยึดเมืองเหยียนโจวตอนนี้เลยสิ !”
จักรพรรดินีเองก็มองไปทางหลี่จุ่นเช่นกัน
เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็ต้องฟังความเห็นของหลี่จุ่น
ทว่า
หลี่จุ่นกลับส่ายหน้าแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อจางเป่ยเลือกตั้งทัพอยู่ทางตะวันออก มิใช่ไปยังตำบลผิงอันหรือไปทางใต้ นั่นก็แปลว่ารอให้ทัพเราเข้าไปภายในเมืองอยู่ กวังล้อมทัพของเราไว้ภายในเมือง เช่นนั้นเราก็อย่าได้เข้าไปในเมืองเลยจะดีกว่า“
“เช่นนั้น... จะปล่อยทิ้งร้างไว้น่ะหรือ ?” เฟิงอู่หังเอ่ยถามด้วยความสงสัย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
เขาคิดว่าบุกยึดเมืองแล้วสู้รบจะเป็นการดีกว่า
หลี่จุ่นพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ
“ใช่แล้ว ให้มันว่างอยู่เช่นนั้นละ เมื่อเป็นเช่นนี้ จางเอ่ยก็ไม่อาจทำตามแผนได้ แต่ก็ไม่กล้ากลับเมืองเช่นกัน ใครก็ทำอะไรใครไม่ได้ทั้งนั้น”
จักรพรรดินีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
จากนั้นก็มองไปยังหลี่จุ่นก่อนจะถามขึ้น “เช่นนั้นท่านกุนซือคิดว่าทัพเราควรทำอย่างไรต่อไปหรือ ?”
หลี่จุ่นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“แยกทัพหนึ่งแสนนายตรงไปช่วงชิงเมืองอวี๋เจียง !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ปลดล็อคแล้วอ่านไม่ได้...
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...