องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1117

ตอนนี้ทัพเหยียนโจวได้ปักหลักอยู่ที่ด้านตะวันออกของเมืองเหยียนโจวแล้ว

ในที่สุดจางเป่ยก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

จากนั้นก็ส่งหน่วยสอดแนมไปคอยจับตาดูเมืองเหยียนโจวเอาไว้ คอยจับตาดูทัพศัตรูทุกฝีก้าว

แต่เมื่อรออยู่ครึ่งค่อนคืน ทัพศัตรูก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเข้าเมืองเลยสักนิด แต่กลับอยู่นอกเมืองโดยตลอด

สิ่งนี้ทำให้จางเป่ยถึงกับวิตก

“ทัพแคว้นหนานนี้ไม่เข้าเมืองสักที อยู่แต่นอกเมืองตลอดไปทำไมกันเล่า ?“

ชายชรารอเสียจนร้อนใจขึ้นมาเสียแล้ว

แต่ก็กังวลว่าทัพศัตรูจะอ่านแผนของตนออกเช่นกัน

ว่าแล้วจึงเรียกเจี่ยงอิงสงมาเพื่อไถ่ถามความเห็นของอีกฝ่าย

เจี่ยงอิงสงจึงเอ่ยขึ้น “ท่านใต้เท้าไม่ต้องใจร้อนไป ขอแค่รอดูวันพรุ่งนี้ก็จะรุ้ได้ว่าทัพศัตรูจะเข้าเมืองหรือไม่”

จางเป่ยพยักหน้ารับช้า ๆ ในใจค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นยามกลางคืน ซ้ำยังเป็นช่วงดึกจนฟ้าใกล้สางแล้ว

การที่ทัพศัตรูจะไม่เข้าเมืองเพราะยังคงระแวงอยู่นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ

ถ้าเช่นนั้นก็ต้องรอจนฟ้าสางเพื่อดูว่าพวกทัพศัตรูจะเข้าเมืองหรือไม่ก็เพียงพอแล้ว หากว่าเข้าเมือง เช่นนั้นก็รอให้เขาล้อมเมืองนี้ไว้ช้า ๆ ก็แล้วกัน

ถึงตอนนั้นข้าจะจับเจ้าให้เหมือนลูกไก่ในกำมือ !

จางเป่ยแอบคิดภายในใจ รู้สึกพึงพอใจในความคิดของตนขึ้นมาบ้าง

ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้นมาทีละน้อย

จวบจนกระทั่งถึงยามเที่ยง

หน่วยสอดแนมที่คอยเฝ้าเมืองเหยียนโจวได้กลับมารายงานว่าภายในเมืองเหยียนโจวไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ ทัพศัตรูยังคงอยู่นอกเมือง มิได้เข้าเมืองแต่อย่างใด !

ถึงยามนี้จางเป่ยได้ขมวดคิ้วเข้าจริง ๆ เสียแล้ว

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทัพศัตรูน่าจะอ่านแผนการของเขาออก

เช่นนี้ก็แย่ละสิ

ตอนนี้พวกเขาออกจากเมืองมาแล้ว หากกลับเข้าไปเอง ทัพศัตรูก็จะโจมตีโดยไม่เกรงกลัว เกรงว่าจะใช้เครื่องโยนหินโจมตีเข้าไปในเมืองโดยตรง ถึงตอนนั้นจุดจบก็คงไม่ต่างหากคราวก่อนอยู่ดี

“เฮ้อ สตรีแห่งแคว้นหนานผู้นี้... คิดไม่ถึงว่าจะรับมือยากถึงเพียงนี้” จางเป่ยทอดถอนใจ รู้สึกว่าตนเองไร้ซึ่งทางเลือกขึ้นมา“

ทว่า กำลังพลที่เฟิงอู่หังนำทัพไปนั้นล้วนแต่ออกเดินทัพด้วยชุดสามัญธรรมดา จึงทำให้การเดินทัพเร็วกว่าปกติอยู่เล็กน้อย

จนเมื่อใกล้ถึงเมืองอวี๋เจียงก็เพิ่งจะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี

“ท่านจอมทัพ ระยะสิบลี้ข้างหน้านี้ก็คือเมืองอวี๋เจียงแล้ว จะเข้าไปในเมืองหรือไม่ขอรับ ?” หยวนเฟิงขี่ม้าประกบ ในฐานะที่เป็นทัพหน้า เมื่อได้ยินรายงานของหน่วยสอดแนมแล้วก็รับกลับมารายงานให้เฟิงอู่หังทราบทันที

เฟิงอู่หังคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น

“แม้ว่าเมืองอวี๋เจียงนี้จะมีทหารเฝ้าอยู่ไม่มาก แต่ภายในเมืองมีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย หากว่าเกิดการสู้รบตบมือกับอีกฝ่ายขึ้นมาคงยากที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เดือดร้อนถึงชาวบ้านได้ ฉะนั้นให้รอจนถึงยามรัตติกาลที่ชาวบ้านเข้านอนแล้ว ทัพใหญ่เราค่อยบุกเข้าภายในเมือง !”

“ขอรับ !” หยวนเฟิงพยักหน้ารับคำสั่ง

จากนั้นทัพใหญ่ก็พากันทยอยเดินทางเข้าไปใกล้ จวบจนดขใกล้หัวเมืองของเมืองอวี๋เจียงแล้ว เฟิงอู่หังจึงค่อยให้ทัพใหญ่หยุดเดินทัพ ตั้งหลักปักฐานอยู่ตรงนั้น

จากนั้นก็ส่งหน่วยสอดแนมบางส่วนเข้าไปแทรกซึมเพื่อสืบสถานการณ์ภายในเมือง

เมื่อใกล้ถึงยามพลบค่ำ หน่วยสอดแนมก็กลับมา

พร้อมกับข่าวหนึ่ง !

ได้ยินว่าทัพศัตรูในเมืองกลุ่มหนึ่งกำลังเก็บเสบียงกันอยู่ !说

“แม่เจ้าโว้ย นี่พวกข้ามาช้าอยู่ดีหรือ ? ไม่ได้การ จะปล่อยให้พวกมันลำเลียงเสบียงพวกนี้ออกไปไม่ได้ !“ เมื่อเฟิงอู่หังได้ยินก็ส่งสายตาพิฆาต ร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน