องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1142

เมื่อหวังโส่วหนิงได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทันที !

“ท่านอ๋อง ท่าน... ท่านพูดอะไรน่ะ?” หวังโส่วหนิงเกิดความกังวลขึ้นมาในฉับพลัน

หลี่จุ่นเห็นแล้วจึงยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

“ท่านอัครมหาเสนาบดีหวังคงต้องได้ยินมาว่าเสิ่นไท่ฟู่ถูกลอบสังหารนอกเมืองฉางอันใช่หรือไม่ ? น่าเสียดายที่พวกท่านต่างก็ถูกหลี่เจิ้งหลอกเสียแล้ว เขาถูกหลี่เจิ้งสังหารต่างหากเล่า !”

น้ำเสียงของหลี่จุ่นบ่งบอกถึงความมั่นใจเป็นอย่างมาก

ทว่า

ที่จริงแล้วเขาก็ไม่แน่ใจนัก

เขากำลังปล่อยข่าวลืออยู่ต่างหาก

แต่ข่าวลือนี้มีก็พื้นฐานจากการสันนิษฐานอยู่บ้าง !

คนระดับเสิ่นคั่ว ใครกันจะลงมือสังหารเขาได้โดยง่ายเช่นนี้เล่า ?

รอบตัวเขามีหน่วยข่าวกรองที่เก่งกาจอยู่ เกรงว่ามือสังหารยังไม่ทันได้ลงมือก็คงถูกเจอตัวก่อนที่จะเข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ

แต่สุดท้ายเสิ่นคั่วก็ตายอยู่ดี

เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว หลี่จุ่นคิดว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือหลี่เจิ้งเป็นผู้ที่สังหารเสิ่นคั่ว !

ดังสุภาษิตที่ว่า หากกษัตริย์ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย !

แม้เขาจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ระหว่างเสิ่นคั่วกับหลี่เจิ้งมีสายสัมพันธ์พิเศษอย่างไรบ้าง แต่คนเดียวที่สามารถทำให้เสิ่นคั่วตายเช่นนี้ได้ ก็มีเพียงหลี่เจิ้งเท่านั้น

ประการแรก เสิ่นคั่วตายอย่างง่ายดายเกินไป

ประการที่สอง เหตุผลของหลี่เจิ้งนั้นไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย

ผู้นำของหน่วยข่าวที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์อู่ จะถูกลอบสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า ?

นับประสาอะไรกับการตายอยู่นอกเมืองหลวง

จากสองแนวคิดนี้เอง การตายของเสิ่นคั่วจึงเป็นไปได้สูงว่าเป็นฝีมือของหลี่เจิ้ง

“ท่านอ๋อง ท่าน... ท่านต้องระวังสิ่งที่ท่านพูดด้วย !” ภายในใจของหวังโส่วหนิงเต็มไปด้วยกระวนกระวาย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง

ด้วยคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่หลี่จุ่นบอกกล่าวจะน่าตกใจถึงเพียงนี้ !

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหวังโส่วหนิงเช่นนี้แล้ว หลี่จุ่นก็ทำเพียงเผยรอยยิ้ม

หวังโส่วหนิงเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน !

การตายของเสิ่นคั่วนั้นง่ายดายเกินไป ในใจของเขาย่อมต้องเกิดข้อสงสัย แต่เพราะไม่กล้าคาดเดาผิด ๆ ก็เท่านั้น เพราะการคาดเดาเช่นนี้มีแต่จะทำให้เกิดภัยร้ายขึ้น

ตอนนี้หลี่จุ่นกำลังเผยแพร่ข่าวลืออย่างเปิดเผย ทำให้ทุกอย่างสับสนยิ่งกว่าเดิม หวังโส่วหนิงจะตัดสินใจได้อย่างไร ต่อให้หลี่เจิ้งมายืนตรงหน้าก็ไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้

เพราะข่าวลือนั้นน่ากลัวยิ่งนัก !

เรื่องน่ากลัวเช่นนี้มีพื้นฐานจากจิตใต้สำนึกของคนที่ย่อมต้องการแสวงหาข้อดี หลีกเลี่ยงข้อเสีย ไม่อาจอธิบายได้ชัดเจน ถึงแม้จะไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำให้ผู้คนเกิดข้อสงสัยได้

จากนั้นแคว้นหนานจะเป็นของเขา และแคว้นหนานก็จะได้แซ่หลี่ของเขาไปใช้ !

แบบนี้ไม่ว่าใครก็หาว่าเขาก่อกบฏไม่ได้อีกแล้ว มีแต่จะบอกว่าเขาสร้างผลงาน !

ดูสิ การได้หลับนอนร่วมกับจักรพรรดินี หากไม่ใช่ผลงานแล้วจะเป็นสิ่งใดได้เล่า ?

ในที่สุด หลี่จุ่นก็เกิดความปรารถนาต่อจักรพรรดินีขึ้นมา

หลี่จุ่นกล่าวต่อไปว่า

“หากอัครมหาเสนาบดีหวังกังวลว่าหลี่เจิ้งจะหาเรื่อง ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก ด้วยฝีมืออันเก่งกาจของอัครมหาเสนาบดีหวัง ท่านควรรู้ว่าข้ามีอาวุธในการสู้ศึกสงครามอยู่ในมือจำนวนมาก ต่อให้ดูเหมือนว่ากองทัพของข้าในตอนนี้จะเสียเปรียบ แต่ไม่ว่าหลี่เจิ้งจะมีทหารมากสักเพียงใดตาม สุดท้ายก็เอาชนะอาวุธร้ายแรงในมือข้าไม่ได้อยู่ดี หากยามนี้อัครมหาเสนาบดีหวังเลือกยืนอยู่ข้างข้า เช่นนั้นเราจะก้าวไปด้วยกัน”

หวังโส่วหนิงมองไปที่หลี่จุ่นด้วยแววตานิ่งอึ้ง พูดไม่ออกอยู่นาน

ใช่แล้ว

เขารู้ว่าหลี่จุ่นมีดินปืนสีดำอยู่ในมือ !

ดินปืนสีดำนั่นได้แสดงแสนยานุภาพอันน่ากลัวยิ่งนักในชายแดนเหนือมาแล้ว

มีเพียงหลี่จุ่นเท่านั้นที่รู้สูตรการสร้างดินปืนสีดำ

หากของสิ่งนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็จะกลายเป็นสงครามที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

หลี่จุ่นมองไปยังหวังโส่วหนิงที่ไม่เอ่ยสิ่งใด แล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้น

“ ท่านอัครมหาเสนาบดีหวังก็ไม่ต้องร้อนใจไป ข้าจะให้เวลาอัครมหาเสนาบดีหวังในการพิจารณา แต่ข้ากับเยียนหรันจะไม่มีวันแยกจากกันอีกต่อไป ไม่ว่าสุดท้ายอัครมหาเสนาบดีหวังจะเลือกเช่นไร เยียนหรันก็คือผู้หญิงของข้าอยู่ดี ข้อนี้... ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน