องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1236

เมื่อเห็นซั่งกวนเฮ่าผงกหัวด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเดินจากไป หลี่จุ่นก็พยักหน้าด้วยความพอใจไปสักพัก

หลังจากที่คนในกองทัพรับประทานอาหารและพักผ่อนเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปยังทางใต้ต่อ

วันรุ่งขึ้นยามเที่ยง ในที่สุดก็มาถึงเมืองอวี๋เจียง

ทหารม้าที่มาจากจวนชายแดนตะวันตกและเมืองหลินซุ่นเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน

ทหารม้าเข้ามารวมตัวกัน นอกจากกองทหารรักษาการณ์หลายพันนายที่อยู่ในเมืองหลินซุ่นและจวนชายแดนตะวันตกแล้ว ยังมีกองกำลังบางส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยพ่ายแพ้ในระหว่างเกิดเหตุขัดแย้งกับองค์ชายสี่และกำลังเสริมจากผู้ที่พ่ายแพ้ครั้นฟิงอู่หังเข้ายึดเมืองเฟิงหลิง

กองกำลังของทัพแคว้นหนานยังรวมตัวกันอยู่ที่นี่อีกประมาณสามสามแสนสามหมื่นนาย!

ทันใดนั้น!

หลี่จุ่นก็ได้เสริมกำลังทหารม้าเข้าไปอีกหนึ่งหมื่นนาย รวมเป็นสามแสนสี่หมื่น!

และตอนนี้หลี่จุ่นก็คือผู้บังคับบัญชาการกองทัพทั้งหมด ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่ากองทัพทั้งหมดนี้อยู่ใต้บังคับบัญชาการของเขา!

ไม่เพียงเท่านี้ หลี่จุ่นยังมีกองทัพราวสองหมื่นนายที่ซ่อนตัวไว้อยู่บนภูเขา พวกเขามีหน้าที่ควบคุมระเบิดและจุดปืนใหญ่!

แน่นอนว่า!

หลี่จุ่นวางแผนที่จะจุดปืนไฟ!

แต่แม้ว่าปืนไฟจะเป็นอาวุธที่ก้าวหน้ามากในโลกนี้ แต่ก็ใช้งานไม่สะดวกนัก

เดิมทีหลี่จุ่นต้องการที่จะสร้างปืนไรเฟิลขึ้นมา ทว่าน่าเสียดายที่เทคโนโลยีการผลิตไม่ดี แม้แต่กระสุนยังไม่สามารถสร้างออกมาได้

ดังนั้น หลี่จุ่นทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำปืนไฟ

ค่อย ๆ สืบเสาะวิธีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ถึงอย่างไรวิธีการนั้นก็ได้มอบให้ช่างฝีมือไปแล้ว จะสร้างออกมาได้หรือไม่ก็ต้องมาดูกัน

หลี่จุ่นคาดว่าคงทำไม่ได้ตอนนี้

คงต้องรอให้โลกเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเสียก่อน จึงจะสามารถใช้อาวุธสุดยอดแห่งยุคได้จริง ๆ !

ทว่าไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่ายุคสมัยจะพัฒนาไปแค่ไหน ตัวเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ของการพัฒนาในอีกโลกหนึ่งมาก่อน ดังนั้นโอกาสจึงเข้าข้างเขาอยู่เสมอ!

เมื่อนึกถึงเรื่องการเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม หลี่จุ่นก็พลันนึกถึงถ่านหินที่อยู่ในอุทยานหลวงของเมืองหลวงขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าต้องหาโอกาสกลับไปที่เมืองหลวงอีกครั้ง ยึดครองเมืองและขึ้นเป็นอ๋อง

หากค่อย ๆ สร้างอาวุธและพัฒนาค้นคว้าอาวุธอันเหนือกาลเวลาเช่นนี้ได้ ยังจะมีใครเอาชนะตนเองได้อีกเล่า?

เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าใครก็ล้วนต้องปฏิบัติตามเขา

คิดไปคิดมาก็ชักตื่นเต้น

กองทัพมาถึงเมืองอวี๋เจียงและปักหลักลง

แน่นอนว่าหลี่จุ่นได้ไปหาหญิงทั้งสองก่อน นั่นก็คือจ้าวเฟยเอ๋อร์และหวังเหยียนหรัน

นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน คิดถึงเหลือเกิน

เจ้าหลี่จุ่น แม้ว่าจะน่ารังขยะแขยงไปเสียหน่อย...แต่ถึงอย่างไรเขาก็ทำเรื่องดี ๆ ไว้หนึ่งเรื่อยคือโน้มน้าวมิให้เสด็จพี่สวมใส่ผ้าคลุมหน้า ช่วยให้นางสะดวกสบายขึ้นเยอะห

ตอนนี้สังเกตสีหน้าและอารมณ์ได้ง่ายขึ้น

“สะ เสด็จพี่...ข้า ข้าซื้อของขวัญเล็ก ๆ มาให้ท่าน ไม่รู้ว่าท่าน...จะชอบหรือไม่?” ซั่งกวนเฮ่ารวบรวมความกล้า หยิบกล่องของขวัญเล็ก ๆ ออกมาจากตัว แล้วยกมันขึ้นมา

นั่นทำให้จักรพรรดินีตระหนกตกใจ!

เพราะแต่ไหนแต่ไรมาน้องเฮ่าไม่เคยให้ของขวัญอะไรนางเลย แต่กลับให้ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ไปไม่น้อย

เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดินีได้รับของขวัญจากน้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง!

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ก้าวออกมาข้างหน้าทันทีและรับของขวัญจากซ่างกวนเฮ่ายื่นให้จักรพรรดินี

จักรพรรดินีรับไว้

นางเปิดออกเบา ๆ พบว่าด้านในคือหวีไม้ชั้นดี ทันใดนั้นริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของนางก็แยกออกเล็กน้อย และสีหน้าแห่งความสุขก็ค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้า

เมื่อซั่งกวนเฮ่าเห็นสีหน้าจักรพรรดินีที่เปลี่ยนไป...ในใจก็มีความสุขขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายใจอย่างสุดซึ้ง!

ไม่คิดเลยว่าของขวัญเล็ก ๆ ชิ้นเดียว จะถึงกับทำให้พี่สาวผู้เคร่งขรึมมีความสุขได้ถึงเพียงนี้

เขาควรจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน