องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1253

“ท่านบอกมาเถิดว่าจะยอมให้ข้าติดตามพวกเขาไปหายาด้วยกันหรือไม่?” ซั่งกวนเฮ่ากัดฟันถาม

หลี่จุ่นครุ่นคิด ถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่? การตามหายาครั้งนี้ไม่ง่าย ต้องพลิกฟ้าคว้าดินควานหา ลูกเจ้าขุนมูลนายเช่นเจ้าจะทนรับความลำบากนี้ได้ไหม?”

ซั่งกวนเฮ่ามีท่าทียืนหยัดและพูดว่า

“เพื่อพี่หว่านเอ๋อร์แล้ว ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอมทำ!”

หลี่จุ่นเงียบไปครู่หนึ่ง แอบถอนหายใจในใจแล้วกล่าวว่า

“เอาล่ะ พรุ่งนี้นำข้อความลับของข้ากลับไปยังเมืองอวี๋เจียง เมื่อถึงหอหรูอี้ที่เมืองอวี๋เจียง ครั้นถึงเวลาจะมีคนมาจัดเตรียมให้”

ขอเพียงแค่ไปถึงหอหรูอี้ อวี้เซียงก็จะจัดเตรียมให้

คนจากสมาคมเทียนตี้เองก็ประหม่าเช่นกัน แม้ว่าจะมีการขยับขยายไปไม่น้อย ทว่าการตามหายาครั้งนี้ต้องส่งคนไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน ไม่ว่าแบ่งจำนวนคนแยกไปมากเพียงใดก็เหมือนจะไม่พอ

ซั่งกวนเฮ่ายินดีที่จะช่วยเหลือ ถือว่าเป็นการเสริมกำลังคน

“รับทราบ!” ซ่างกวนเฮ่ามีสีหน้าดีใจไปชั่วขณะ

หลี่จุ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเขียนจดหมายทันที จากนั้นประทับตราหัวหน้าสมาคมของตัวเองลงไป ส่งให้ซั่งกวนเฮ่าพร้อมกำชับว่า

“จดหมายฉบับนี้จะต้องยื่นให้อวี้เซียง เจ้าของหอหรูอี้เองกับมือ จะเปิดออกระหว่างทางมิได้ มิเช่นนั้นคนของข้าจะไม่รับ ครั้นถึงเวลาเจ้าก็จะคิดหาหนทางได้เอง”

“วางใจเถิด!”

ซั่งกวนเฮ่ารีบเก็บจดหมายไปอย่างเอาจริงเอาจัง จากนั้นก็โค้งคำนับคาราวะหลี่จุ่นไปหนึ่งทีและพูดว่า

“ขอฝากฝังพี่หว่านเอ๋อร์ไว้กับท่านด้วย!”

หลี่จุ่นปัดมือและพูดว่า

“ไม่ว่าเจ้าจะถูกจัดเตรียมให้ไปที่ใด จงระมัดระวัง อย่าประมาท ครั้นพี่หว่านเอ๋อร์ของท่านฟื้นจะต้องได้เห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรก”

ซั่งกวนเฮ่าพยักหน้า และหันหลังเดินจากไป

หลี่จุ่นมองดูเงาของเจ้าเด็กคนนี้แล้วถอนหายใจเบา ๆ อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ

“ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด ถึงเป็นตายยังขออยู่คู่เคียง...เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย ต่อจากนี้ไปข้าเป็นศัตรูหัวใจของเจ้า ครั้นถึงเวลานั้นเจ้าอย่าได้เสียใจเลยที่วันนี้มาขอโทษข้า”

หลังจากที่ซั่งกวนเฮ่าเดินออกจากกระโจมแม่ทัพของหลี่จุ่น ก็ได้กลับไปหาซั่งกวนหว่านเอ๋อร์อีกครั้ง

อยู่ข้าง ๆ ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นจึงขี่ม้ามุ่งไปทางเหนือ

เมื่อมาถึงด่านควาย เขาก็ไปเข้าเฝ้าจักรพรรดินี

จักรพรรดินีทั้งประหลาดใจและดีใจเล็กน้อย จากนั้นก็ถามเขาว่า

ทันใดนั้น!

ซั่งกวนเฮ่าไม่ได้สนใจนางและพูดต่อไปว่า

“อันที่จริงสองวันก่อนหน้านี้ กุนซือได้ให้ข้ามาพูดแทนเขาต่อหน้าท่าน ยังถามอีกด้วยว่าข้าจะเห็นด้วยหรือไม่ หากเขาจะอภิเษกสมรสกับท่าน”

จักรพรรดินีตาเบิกโพลงไปชั่วขณะ อ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ!

อีตานั่น เขาถึงกับ...

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซั่งกวนเฮ่าก็มองเข้าไปในตาของจักรพรรดินี พูดอย่างจริงจังว่า

“พี่สาว หลี่จุ่นผู้นั้นถึงแม้จะเป็นคนสองจิตสองใจ มีผู้หญิงข้างกายคนแล้วคนเล่า เป็นคนเลวระยำโดยสมบูรณ์แบบ ทว่าหากพี่สาวจะต้องออกเรือน...ข้าก็หวังให้คู่สมรสของท่านนั้นเป็นเขา”

“น้องเฮ่า นี่เจ้า...”

จักรพรรดินีมองไปยังน้องชายตัวเองด้วยความประหลาดใจ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวไปสักพัก

ราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง และผีเสื้อนั้นก็บินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และหยุดไม่ได้

ซั่งกวนเฮ่ายิ้ม จากนั้นลุกขึ้นพร้อมสวมกอดพี่สาวของตัวเองและกล่าวว่า

“พี่สาว มีเขาอยู่ข้างกายท่าน...ข้าก็วางใจ”