ยามที่เอ่ยคำนี้ออกไป ในใจของนางเองก็เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างถึงที่สุด กระทั่งไม่อยากจะยอมแพ้ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
ผู้ชายจะมีเมียเล็กเมียน้อยนั้นเป็นเรื่องปกติ
แต่ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฝ่าบาทคนปัจจุบัน... แล้วจะไปมีคนอื่นอีกได้อย่างไรกันเล่า ?
นางเองชอบหลี่จุ่นมากก็จริง หากว่าได้หลี่จุ่นมาเป็นเขยนางคงดีใจมากเป็นแน่
ทว่า นับตั้งแต่หลี่จุ่นแต่งกับฝ่าบาท... ราวกับว่าราดน้ำเย็นใส่นาง ทำให้นางไม่อาจดีใจได้อีก
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลี่จุ่นก็ได้แต่อ้าปากค้าง ความนิ่งงันที่เข้าปกคลุมทำให้สุดท้ายเขาต้องค่อย ๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น
“ได้ขอรับท่านป้า... ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทีของหลี่จุ่น ภายในใจของนายหญิงบ้านใหญ่เองก็รู้สึกผิดขึ้นมา นางจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยปาก
“เสี่ยวจุ่น ป้าเองก็ไม่อยากให้คำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้ต้องห่างเหินกับเจ้าไป หสังว่าเมื่อก่อนเจ้าเป็นอย่างไร วันหน้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น ที่จริงป้าก็เห็นว่าเจ้าเป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่งมาโดยตลอด... เพียงแต่เจ้าก็พยายามเข้าใกล้พี่หลิงจือให้น้อยที่สุดก็แล้วกัน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าพี่หลิงจือของเจ้าเป็นคนเช่นใด...”
หลี่จุ่นยิ้มรับ
นายหญิงแห่งบ้านใหญ่ดีต่อเขามากเพียงใด ชายหนุ่มย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แม้ในตอนนี้นางจะเอ่นเช่นนี้กับเขา แต่หลี่จุ่นก็ไม่ได้คิดจะโทษนางแต่อย่างใด
เพราะในมุมของนาง... ก็ควรจะต้องเป็นเช่นนี้จริง ๆ
หลี่จุ่นจึงนิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ท่านป้าวางใจเถิด บอกตามตรง ข้าเองก็เห็นที่นี่เป็นบ้านของข้ามานานแล้ว ท่านป้าเองก็ดีต่อข้า ข้าล้วนแต่จดจำไว้ในใจ ไม่กล้าห่างเหินกับท่านหรอก”
นายหญิงบ้านใหญ่ได้ยินเช่นนั้นก็ซาบซึ้งใจขึ้นมาเหลือคณา นางเอื้อมไปจับมือหลี่จุ่นไว้ขณะที่น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า
“เสี่ยวจุ่นหากเจ้ายินดี ป้าอยากรับเจ้ามาเป็น... มาเป็นลูกบุญธรรม”
รับเป็นลูกบุญธรรมหรือ ?!
หลี่จุ่นอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง
นายหญิงบ้านใหญ่ดีต่อเขาถึงเพียงนี้ คิดจะรับเขาเป็นลูกบุญธรรมก็มิได้ทำเกินเหตุแต่อย่างใด แต่นี่กลับทำให้เขานึกถึงเฟิงหลิงจือขึ้นมา หากว่าเขากลายเป็นน้องชายของเฟิงหลิงจือเข้าจริง ๆ เช่นนั้น...
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่จุ่นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปโดยมิได้เอ่ยคำใด
นายหญิงบ้านใหญ่เห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที
“ป้าบุ่มบ่ามเกินไป เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ”
หลี่จุ่นอ้าปากขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา
อีกทั้งสถานการณ์ตรงหน้าก็ดูกระอักกระอ่วนนัก เล่นเอาเขาแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ จึงได้ลุกขึ้นขอตัวลา
เถ้าแก่คนนั้นเป็นคนที่เฟิงหลิงจือจ้างมาในภายหลัง แต่เขารู้จักหลี่จุ่นดี รู้ว่าหลี่จุ่นต่างหากที่เป็นเจ้าของร้านหม้อไฟตัวจริง จึงรีบวิ่งเข้ามาหา
“เถ้าแก่ ท่านมาได้อย่างไรกัน ?”
“เถ้าแก่รองของพวกเจ้าน่าจะบอกแล้วใช่หรือไม่” หลี่จุ่นเอ่ยถามขึ้น
เฟิงหลิงจือก็คือเถ้าแก่รองของร้านหม้อไฟแห่งนี้
เถ้าแก่คนนั้นจึงรีบพยักหน้ารับทันที
หลี่จุ่นเห็นดังนั้นจึงกำชับอีกฝ่าย
“ในเมื่อบอกไว้แล้วก็เอ่าป้ายออกมาตั้งว่าคืนนี้ไม่รับแขกแล้ว ช่วงค่ำ ๆ เจ้าก็พาพ่อครัวสักสองสามคนไปช่วยงานที่เรือนตระกูลเฟิงด้วย”
“ขอรับเถ้าแก่ !” เถ้าแก่คนนั้นรีบพยักหน้ารับคำสั่ง
“ดี เช่นนั้นข้าขอเปิดโต๊ะกินสักหน่อยก่อนแล้วกัน” เมื่อพูดจบ หลี่จุ่นก็เดินขึ้นไปนั่งในห้องชั้นสอง
ครั้งนี้
หลี่จุ่นกินหม้อไฟเพียงลำพัง แต่กลับรู้สึกว่ารสชาติหม้อไฟมื้อนี้... เหมือนดั่งเทียนที่ไม่ว่าจะกินอย่างไรก็ไม่ได้รสชาติดั่งวันวาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ปลดล็อคแล้วอ่านไม่ได้...
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...