องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1329

สุดท้ายหลี่จุ่นก็ไม่กล้าออกไปด้านนอก เขาฟังความคึกคักภายในบ้านอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหายไปท่ามกลางความมืดมิด

ณ เช้าวันรุ่งขึ้น

เฟิงอู่หังและโจวชิงเป็นผู้นำทัพ นำกองทัพจำนวนสองแสนนายออกเดินทาง

ส่วนจางฟ่างและหลิวเซิ่งก็นำทัพเจิ้นเป่ยหนึ่งแสนนายเดินทัพตามพวกเฟิงอู่หังไปเดินทางออกจากเมืองซ่างหยวนและมุ่งตรงไปยังเมืองซินตู

รวมเป็นกองทัพใหญ่ทั้งหมดสามแสนนาย !

เครื่องยิงที่ทั้งใหญ่และหนัก รวมถึงปืนใหญ่ก็ถูกนำมากับกองทัพด้วย

สถานที่ตั้งทัพที่โจวชิงเลือกนั้นอยู่ห่างจากเมืองซ่างหยวนสองร้อยลี้ แต่ห่างจากเมืองซินตูไม่ถึงสามสิบลี้ !

เดิมทีแคว้นหนานก็เล็กอยู่แล้ว ในสายตาของหลี่จุ่นแล้ว พื้นที่ไร้ผู้ครอบครองเหล่านั้นในแคว้นหนานก้เทียบได้กับอำเภอหนึ่งในโลกอนาคตก็เท่านั้น

“ท่านกุนซือ นี่... จะได้ผลจริงๆ หรือ ?” เฟิงเป่าจินและหลี่จุ่นขี่ม้ามาส่งยังหน้าประตุเมือง

เฟิงเป่าจินมองดูธงของกองทัพใหญ่ที่โบกสะบัดมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออก ภายในใจก็รู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา

ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงจักรพรรดิอู่

หลี่จุ่นเกลือบมองดูอีกฝ่ายแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ใต้เท้าเฟิงขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดหรือ ?”

แต่เมื่อลองคิดดูให้ดีแล้ว ที่เฟิงเป่าจินกลัวถึงขนาดนี้ก็นับว่ามีเหตุผล

เพราะเดิมทีเขาก็เป็นเพียงขุนนางสายบุ๋น อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้ติดตามกองทัพเมื่อครั้งที่วิ่งรอบจงหยวนในคราก่อน

ด้วยเหตุนี้จึงยังมีภาพจำเกี่ยวกับทัพของแคว้นหนานหยุดอยู่ในยุคก่อน จะกังวลก็ไม่แปลกนัก

“มิใช่ว่าข้าขี้ขลาดหรอก... เพียงแต่ตอนนี้ฝ่าบาทเองก็ไม่อยู่ นี่...” เฟิงเป่าจินอ้าปากค้าง คิดจะหลุดปากปฏิเสธ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงอยู่ดี

เขาขี้ขลาดไปหน่อยจริง ๆ

หลัก ๆ แล้วก็เป็นเพราะว่าจักรพรรดินีหายตัวไป ภายในใจจึงรู้สึกเป็นกังวลนัก

“ใต้เท้าเฟิงวางใจเถิด”

หลี่จุ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะเบี่ยงประเด็นไป

“เมื่อคืนหลานสาวใต้เท้าเฟิงหมั้นแล้ว ใค้เท้าเฟิงได้ไปร่วมงานหรือไม่ ?”

เฟิงเป่าจินพยักหน้ารับ “ข้าหาเวลาว่างแวะไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ลุงเห็นว่าวันนี้มียกทัพจึงมิได้ไป”

หลี่จุ่นนึกใจหายขึ้นมา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจนัก

“ได้ยินว่าคู่หมายของพี่หลิงจือ... เป็นบุตรชายของราชทูตจ้าวอะไรนั่นน่ะหรือ ? แค่ราชทูตคนหนึ่ง ใต้เท้าเฟิงก็ยินยอมด้วยหรือ ?”

เฟิงเป่าจินเหลือบมองชายหนุ่ม หากแต่ไม่รู้สึกได้ถึงเจตนาของหลี่จุ่น จึงเอ่ยขึ้น

“ถึงใต้เท้าจ้าวจะเป็นแค่ราชทูต เป็นขุนนางระดับหก แต่ก็มีความสนิทสนมกับฝ่าบาทองค์ปัจจุบันอยู่บ้าง เพราะอย่างไรก็แซ่จ้าวเหมือนกัน อีกทั้งได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของใต้เท้าจ้าวเป็นลูกพี่ลูกน้องสายห่าง ๆ ของจักรพรรดิ์องค์ก่อน”

เฟิงเป่าจินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นดูไม่เหมาะสมเท่าที่ควร จึงรีบปฏิเสธ

“ข้าน้อยมิกล้า !”

หลี่จุ่นส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบา ๆ

“เรื่องขุนนาง รอให้ฝ่าบาทกลับมาแล้วค่อยตัดสินใจเถิด”

“ขอรับ !” เฟิงเป่าจินได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เอาละใต้เท้าจิน ข้าจะไปบ้านตระกูลเฟิงเสียหน่อย ท่านจะกลับไปด้วยกันหรือไม่ ?” หลี่จุ่นเอ่ยถามขึ้น

เฟิงเป่าจินจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้ายังมีงานที่ต้องทำอีก”

หลี่จุ่นจึงขี่ม้าของตนเองตรงไปยังบ้านตระกูลเฟิง

แต่กลายเป็นว่าเมื่อเดินทางมาถึงหน้าประตูก็เห็นเฟิงหลิงหวนสวมชุดฝ้ายสีแดงนั่งหงุดหงิดอยู่บนประตูทางเข้านั้น

ครั้นเมื่อเห็นว่าเขากลับมา เด็กสาวก็ทำแค่เพียงเหลือบมองนิ่ง ๆ จากนั้นก็นั่งเหม่อ

หลี่จุ่นมองด้วยความแปลกใจ จึงลงจากม้าแล้วเดินเข้าไปถาม

“นี่เสี่ยวหวนของเรามิใช่หรือ ? เหตุใดวันนี้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยเล่า ?”

เด็กสาวเอ่ยตอบขึ้นอย่างเต็มเสียง

“ใช่ ตอนนี้คุณหนูเช่นข้าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน