องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1332

เมื่อได้ยินเจ้ากรมกลาโหมพูดดังนั้น อวี่เหวินจิ้งก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

กองทัพศัตรูโจมตีอย่างกะทันหัน ช่างอุกอาจดุดันนัก!

ยิ่งไปกว่านั้น ภูเขาเทียนเหยี่ยนนั่นยังมีสภาพภูมิประเทศที่ทรงพลังมาก หลังจากที่กองทัพศัตรูไปถึงที่นั่นแล้ว จักต้องหยุดเคลื่อนทัพทันที เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรลับลมคมในเลย

ดังนั้นจักโจมตีง่าย ๆ ได้ที่ไหนกันเล่า?

ทว่าเวลานี้เจ้ากรมกลาโหมกลับสนับสนุนให้ส่งกองกำลังออกไปรบและยั่วยุศัตรู นั่นทำให้อวี่เหวินจิ้งรู้สึกฉุนเฉียวเล็กน้อย

คนคนนี้ไม่คู่ควรแก่การเป็นเจ้ากรมกลาโหมเลยจริง ๆ !

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านผู้นี้จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้ากรมหลังจากที่ก่อตั้งซินตูขึ้น ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้ากรมกลาโหมคนเดิมได้ลาออกไปนานแล้ว

หลี่เจิ้งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ครุ่นคิดและกล่าวว่า

“ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผล เช่นนั้นควรส่งผู้ใดไปนำทัพในการรบจึงจะเหมาะสม?”

เจ้ากรมกลาโหมครุ่นคิด เขามองไปยังอวี่เหวินจิ้ง และพูดด้วยความหนักแน่นทันทีว่า

“ข้าน้อยคิดว่าไท่ซือ อวี่เหวินจิ้งเป็นผู้สืบทอดต่อจากเจิ้นเป่ยอ๋องแห่งราชวงศ์อู่ เขามีพรสวรรค์อันหายาก ครั้งนี้ศัตรูโจมตีอย่างดุเดือดและมิได้แยแสซินตูของเราเลยแม้แต่น้อย หากอวี่เหวินจิ้งเป็นผู้นำทำ จักต้องโจมตีศัตรูได้และแสดงพลังอำนาจของราชวงศ์อู่ออกมาได้อย่างแน่นอน!”

หลังจากที่เจ้ากรมกลาโหมเอ่ยปากพูด ก็มีคนมากมายสนับสนุนความคิดของเขาขึ้นมา ซึ่งทำให้อวี่เหวินจิ้งที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรขมวดคิ้วหนักมากกว่าเดิม

อวี่เหวินตู ลูกชายของอวี่เหวินจิ้งก็มีสีหน้าทุกข์ใจเช่นกัน

หากพ่อของเขาถูกส่งให้ไปโจมตีศัตรู หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ผู้ใดจักปกครองซินตูเล่า?

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้ากรมกลาโหม หลี่เจิ้งก็พยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ มองไปยังอวี่เหวินจิ้งและกล่าวว่า

“ไท่ซือ เรื่องนี้ท่านคิดว่าอย่างไร?”

อวี่เหวินตูรีบพูดขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าหากส่งกองกำลังไปตอนนี้อาจจะไม่เหมาะควรนัก ได้โปรดฝ่าบาทคิดดูอีกสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเจ้ากรมกรมกลาโหมได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจทันที และพลันเยาะเย้ยขึ้นมาว่า

“มิใช่ว่าไท่ซือกลัวหรือ? ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงปฏิเสธการส่งกองกำลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลานี้หากไม่ไปขัดขวางกองทัพศัตรูเอาไว้ หรือไท่ซือต้องรอให้ทัพแคว้นฉีลงมาทางใต้และทัพศัตรูปิดล้อมซินตูของพวกเราทั้งสองฝั่งก่อน จึงจักเข้าไปต่อต้านงั้นรึ?”

อวี่เหวินเจิ้งมีสีหน้าเย็นชาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เหตุใดท่านเจ้ากรมไม่นำกองกำลังไปต่อสู้ด้วยตนเองเล่า? จากคำพูดคำจาของท่าน ท่านคงจะศึกษาตำรามามากโข คงเข้าใจเรื่องของการสั่งการในสนามรบอย่างถ่องแท้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะสละตำแหน่งให้ท่านเจ้ากรมกองกำลังทหารเข้าต่อสู้ดีหรือไม่?”

“เจ้า!”

เจ้ากรมกลาโหมจุกอยู่ในลำคอ พูดไม่ออกเล็กน้อย และไม่สามารถปฏิเสธได้

“กระไรนะ?”

หลี่เจิ้งได้ยินแล้วขมวดคิ้วทันที พูดด้วยท่าทีเย็นชาเล็กน้อยว่า

“เหตุใดอัครมหาเสนาบดีหวัง...จึงมาลาพักสามเดือนในเวลาเช่นนี้?!”

เมื่อเห็นหลี่เจิ้งฉุนเฉียว ทุกคนก็กลั้นหายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอันใด

“สารเลวจริง ๆ !”

หลี่เจิ้งยิ่งคิดยิ่งโกรธแค้น เขาระเบิดอารมณ์ออกมาทันที สะบัดแขนเสื้อและพูดเสียงดังว่า

“ถอยกลับไปประเดี๋ยวนี้!”

จากนั้นก็เดินหัวเสียเกี้ยวกราดออกไป

นี่มัน...

ทุกคนมองหน้ากันทันทีพร้อมความงุนงงเล็กน้อย

หวังเหลียนและอวี่เหวินเจิ้งที่ติดตามหลี่เจิ้งออกไป กลับคิดเช่นนี้

เป็นเพราะฝ่าบาทกระสับกระส่ายและตัดสินใจไม่ถูก ฝ่าบาทจึงใช้เรื่องที่หวังโส่วหนิงลาหยุดมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะหลบหลีกออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน