องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1347

รถม้าหนึ่งคันวิ่งไปตามถนนหลวงอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นานรถม้าคันนั้นก็วิ่งเข้าสู่อำเภอผิงอัน

รถม้าค่อยๆ หยุดลงข้างถนน จากนั้นหลินกงกงคนขับรถม้าก็รีบวางม้านั่งลงเพื่อให้น่าหลันเหวินและฉิงเอ๋อร์ลงจากเกี้ยว

น่าหลันเหวินหน้าแดงระเรื่อ ความเศร้าโศกและความหดหู่ใจในอดีตได้หายไปจนหมดสิ้น

เพราะ... ผู้ชายของนางยังมีชีวิตอยู่

พ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่เขายังมีชีวิตอยู่โลกนี้ก็จะสวยงาม

“ฉิงเอ๋อร์ เรากินอะไรง่ายๆ กันก่อน แล้วรีบออกเดินทางลงใต้กันเถอะ” น่าหลันเหวินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ฉิงเอ๋อร์รับรู้ถึงความตื่นเต้นและความสุขที่ไม่อาจซ่อนเร้นในใจของน่าหลันเหวิน และพลอยดีใจไปด้วย

“เจ้าค่ะ เรากินอะไรง่ายๆ กันก่อน” ฉิงเอ๋อร์พูดด้วยรอยยิ้ม

หลินกงกงก็พลอยดีใจไปด้วย มองดูสองสาวเดินเข้าไปในร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ

ส่วนเขารออยู่ที่รถม้าเพื่อเฝ้ารถม้า

ทว่า

ผ่านไปสักพัก นกพิราบส่งสารที่บินร่อนอยู่บนท้องฟ้ามาสักพักก็ค่อยๆ บินโฉบลงมาเกาะบนรถม้า

หลินกงกงตกตะลึงทันที รีบเดินไปจับนกพิราบตัวนั้นไว้ จากนั้นดึงจดหมายที่ผูกติดกับนกพิราบออก พอเขาเปิดอ่านหน้าก็เปลี่ยนสีทันที แล้วรีบวิ่งเข้าไปในร้าน

สิบห้านาทีต่อมา

รถม้าวิ่งลงทางใต้ด้วยความเร็วสูง

น่าหลันเหวินที่อยู่ในเกี้ยวมีสีหน้าซีดเผือด ฉิงเอ๋อร์ก็ไม่แพ้กัน

ข่าวส่งมาว่ากองทัพแคว้นหนานได้บุกยึดซินตู จักรพรรดิอู่ทรงนำทัพหนีไปทางใต้ แต่ย้อนกลับมาอีกครั้ง

จากนั้นจักรพรรดิอู่ได้เจรจากับกุนซือของกองทัพแคว้นหนานที่นอกเมือง

กุนซือของกองทัพแคว้นหนานคือใคร

คือหลี่จุ่น!

ในเวลานี้น่าหลันเหวินมีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างมาก

ในระหว่างที่เสด็จพ่อและน้องหกเจรจากัน เสด็จพ่อย่อมต้องหาทางยั่วยุน้องหกเป็นแน่ จากนั้นทำให้น้องหกปลิดชีพเขาด้วยมือของเขาเอง

นี่เป็นความปรารถนาของเสด็จพ่อ

เป็นความปรารถนาที่มีมาเนิ่นนานแล้วของเขา

เพียงแค่น้องหกฆ่าเขา น้องหกก็จะกู่ไม่กลับ ตัดขาดญาติมิตรโดยสิ้นเชิง... นี่คือจุดประสงค์ของเสด็จพ่อ

นางจำเป็นต้องกลับให้ถึงแคว้นหนานก่อนที่พวกเขาจะรบราฆ่าฟันกันเอง

................

ซินตู

ที่จวนชิ่งหวัง

ในฐานะที่หลี่จุ่นเป็นพระสวามีของจักรพรรดินี และในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพแคว้นหนานในตอนนี้ การที่เขาจะเข้าพักในวังก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

ทว่าหลี่จุ่นกลับไม่ทำเช่นนั้น แต่ไปยึดครองจวนชิ่งหวัง

อ๋องของแคว้นหนานมีเพียงไม่กี่คน เมื่อหลายปีก่อนชิ่งหวังเคยได้รับพระราชทานจวนชิ่งหวังแห่งนี้ แต่เขาผู้นั้นได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว และไม่มีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา จวนแห่งนี้จึงถูกทางการยึดคืนและปล่อยว่างชั่วคราว

ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงผู้นำของลัทธิขงจื๊อ

หากเดาไม่ผิด คนผู้นั้นน่าจะเป็นจักรพรรดิเกาจู่ ซึ่งก็คือท่านปู่จอมปลอมของเขานั่นเอง

มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ยังแข็งแรงขนาดนี้

มิน่าล่ะเมื่อก่อนตอนเห็นสองคนนั้นจากลัทธิขงจื๊อเขาจึงมักเกิดความรู้สึกคุ้นเคย นั่นก็เพราะว่าเคยเห็นภาพเหมือนของพวกเขามาก่อน

และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว จะไม่รู้สึกคุ้นเคยได้อย่างไร

“ท่านกุนซือ แม่นางปันมาขอเข้าพบขอรับ”

ซือคงซั่วหัวหน้าองครักษ์ของหลี่จุ่นเดินเข้ามาในสวนหลังจวน จากนั้นกล่าวรายงานเขาด้วยความเคารพ

ปันหมิ่น?

หลี่จุ่นมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย รีบพูดว่า

“ให้นางเข้ามา”

“ขอรับ” ซือคงซั่วรีบถอยกลับออกไปทันที

ผ่านไปไม่นาน ปันหมิ่นในชุดขาวราวหิมะก็เดินมาถึงริมสระ แล้วยืนมองดูน้ำอยู่ริมสระน้ำกับหลี่จุ่น

ความขาวของนางเป็นสีเดียวกับอากาศจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร

“ท่านพี่ปันมาที่นี่ได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับผู้นำของท่านหรือเปล่า” หลี่จุ่นพูดด้วยรอยยิ้ม

ปันหมิ่นเปล่งเสียงเชอะก่อนจะพูดว่า

“หากไม่มีธุระ ข้าก็มาหาเจ้าไม่ได้งั้นหรือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน