องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1457

โดน “กระสุน” ที่น่ากลัวระเบิดใส่ ทำให้กองทัพเยียนจ้าวอกสั่นขวัญหาย หมดสิ้นความฮึกเหิม!

ช่างน่ากลัวและน่าแปลกอย่างยิ่ง ทำไมปืนใหญ่ของพวกเขาถึงระเบิดใส่ตนเอง?

แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล!

เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือนี่?!

แต่ทว่า เวลานี้สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

ไม่ว่าจะเพื่ออะไร จางเฟิงลู่ในเวลานี้ก็ได้รับรู้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ทันใดนั้นก็สั่งให้ถอยทัพ ตะโกนเอ่ยขึ้นว่า

“ถอยทัพ! ถอยทัพเดี๋ยวนี้! ประกาศคำสั่งข้าออกไป ให้ทุกคนถอยทัพ!”

กองทัพเยียนจ้าวที่ยิ่งใหญ่อลังการ ตอนกลับเร็วยิ่งกว่าตอนมาหลายเท่า เหล่าทหารเหมือนกำลังหนีเอาชีวิตรอด วิ่งกันอย่างรวดเร็วสุดชีวิตดั่งฝ่าเท้าได้ทาน้ำมันเอาไว้

อวี่เหวินจิ้งของกองทัพจงหยวนมองเห็นภาพนี้ ทันใดนั้นก็สั่งการว่า

“สั่งการให้กองทัพ ทหารม้าอยู่แนวหน้า ขับไล่ข้าศึกให้ห่างออกไปสิบลี้!”

คำสั่งการของอวี่เหวินจิ้งถูกประกาศออกไป จงจื่อหนิงก็นำอยู่ด้านหน้า ควบม้าออกไปและตะโกนเอ่ยว่า

“สหายทั้งหลาย ลุยไปพร้อมข้า สังหารจางเฟิงลู่เป็นอันดับแรก!”

“สังหาร!”

“ลุย!”

“จัดการมัน!”

“ตัดหัวจางเฟิงลู่เอามาเป็นโถปัสสาวะ!”

“…”

กองทัพสองแสนนายเคลื่อนตัวไปดั่งแม่น้ำสายใหญ่อันเกรียงไกร ไล่โจมตีอย่างรวดเร็ว

ไล่โจมตีออกไปถึงสิบลี้เหมือนดั่งที่คาดไว้ถึงจะยอมรามือ!

สุดท้ายจงจื่อหนิงก็เป็นผู้นำภาระกิจครั้งนี้ ในมือแต่ละคนได้ถือศรีษะของข้าศึกหนึ่งถึงสองหัวกลับมา

ศรีษะนี้ถูกวางไว้ที่ประตูค่ายทหาร สีแดงดำสลับกันเป็นแถวคล้ายกับแตงโม ดูแล้วรู้สึกสยองและอลังการ

แต่ว่า สิ่งที่จงจื่อหนิงรู้สึกเสียดายก็คือ สุดท้ายก็ไม่สามารถแทงศรีษะของจางเฟิงลู่กลับมา เจ้าหมอนั่นวิ่งเร็วจนเกินไป จึงไล่ตามไม่ทัน

ไม่อย่างนั้น แม่ทัพใหญ่จงคงจะได้รับรางวัลที่น่าชื่นชมอิจฉา อีกอย่างในอนาคตนักประวัติศาสตร์ก็คงจะบันทึกเรื่องราวไว้ว่า

จัดการแม่ทัพใหญ่แคว้นเฟิงเฉวี่ยนฮูเถี่ยถูที่ชายแดนเหนือ แม่ทัพจงยังได้สังหารจางเฟิงลู่แม่ทัพเยียนเจ้า หิ้วหัวกะโหลกกลับมาดั่งหิ้วไก่…

เป็นต้น

ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีมาก

แต่น่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน!

จางเฟิงลู่พ่ายแพ้อย่างสาหัส เรื่องที่ถูกไล่สังหารเหมือนสุนัขจนตรอกได้ถูกแพร่ไปถึงจวนแม่ทัพที่ด่านเหิงกู่

ซือหม่าหยวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะแม่ทัพด้วยสีหน้าย่ำแย่สุดขีด ทันใดนั้นก็ปัดโต๊ะอย่างแรง จากนั้นก็ด่าทอจางเฟิงลู่ว่าเป็นคนขี้ขลาด และไม่ได้เรื่อง!

ทันใดนั้นก็มีเงาดำสองเงาโผล่ขึ้นมาในความมืด

ที่แท้ก็คือเฮยไหลไป่หลี่กับนักพรตเฒ่า

ทั้งสองหันมาสบตากัน จากนั้นก็หรี่ตามองซือหม่าหยวนที่อยู่บนเตียง

พักใหญ่ นักพรตเฒ่าก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที ก่อนจะมองไปทางเฮยไหลไป่หลี่ และเอ่ยว่า

“พวกเราไม่ต้องเฝ้าระวังตัวอีก เขารู้ว่าพวกเรามาแล้ว”

เฮยไหล่ไป่หลี่ขมวดคิ้ว

เป็นอย่างที่คาดไว้ ซือหม่าหยวนที่อยู่บนเตียงได้ค่อยๆลืมตาขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและยิ้มเบาๆ มองหน้าทั้งสอง ยิ้มและเอ่ยถามว่า

“ข้าควรจะถามพวกเจ้าว่าหัวหน้าสมาคมเทียนตี้ส่งพวกเจ้ามา หรือควรจะถามว่ามหาจักรพรรดิเหรินหวงของจงหยวนส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”

เฮยไหลไป่หลี่ไม่พูดไม่จา แต่เดินเข้าด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ใช่กระบี่เข้าไปควบคุมซือหม่าหยวนไว้ทันที

แม้ซือหม่าหยวนจะมีวรยุทธ์ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฮยไหลไป่หลี่ยอดฝีมือที่เก็บตัวมาอย่างเนิ่นนาน ดูเหมือนไม่มีการต่อต้านเลยสักนิด!

นักพรตเฒ่าเห็นเฮยไหลไป่หลี่แบกซือหม่าหยวนขึ้นมา จึงเอ่ยอย่างชื่นชมว่า

“สมกับที่เป็นซือหม่าหยวน ปิดบังเขาไม่ได้เลย”

จากนั้นทั้งสองก็เอาตัวซือหม่าหยวนหนีออกไปทางหน้าต่าง

ส่วนองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก ได้ถูกพวกเขาทำให้สลบไปตั้งแต่แรกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน