ขณะองค์รัชทายาทออกมาจากตำหนักขุยหนิง องค์ชายสี่เองก็มาเป็นแขกที่ตำหนักของมารดาของตนเช่นกัน
เฉินกุ้ยเฟยร่างอวบอั๋นเป็นที่น่าพอใจ รูปลักษณ์งดงามเป็นอย่างยิ่ง
ราวกับกาลเวลาดีต่อนางเป็นพิเศษ แม้จะคลอดลูกชายหนึ่งคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนแล้ว เสน่ห์ก็ยังไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ใบหน้ายังคงมีลักษณะของสาวงามเยาว์วัยอยู่สองสามส่วน ยิ่งเพิ่มไปความยั่วยวนขึ้นไปอีก
ในวินาทีนี้องค์ชายสี่กำลังหยอกล้อน้องสาวของตน เอ่ยเสียงเบากับมารดาอยู่บนเตียง
“ลูกสี่ วันนี้เจ้าทำได้ไม่เลวทีเดียว” เฉินกุ้ยเฟยยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยชม
องค์ชายสี่เพียงแค่พยักหน้า แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านแม่ ทำไมวันนี้ท่านแม่ต้องห้ามข้าด้วย?”
เฉินกุ้ยเฟยมองลูกชายของตนทีหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดยังไง และรู้ว่าถึงแม้วันนี้เจ้าจะลุกขึ้นออกมาพูดแทนหลี่จุ่น ฝ่าบาทก็ไม่มีทางมีความคิดส่วนเกินอะไร แต่ยังไม่ใช่เวลา ตอนนี้องค์รัชทายาทกับหลี่จุ่นอยู่คนละฝั่งกันไปแล้ว หากเจ้ารีบร้อนที่จะแสดงว่าเป็นมิตร กลับกันผลที่ได้ตรงข้ามกับความคาดหวัง ด้วยเหตุนี้จะรีบร้อนไม่ได้”
องค์ชายสี่ขมวดคิ้ว ผ่านไปนานสองนานถึงพยักหน้าอย่างช้าๆ “ขอรับ ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”
เฉินกุ้ยเฟยหัวเราะ “แต่ว่า ต่อไปเจ้าไปมาหาสู่กับหลี่จุ่นให้มากๆ ก็ได้ ตอนนี้เขากับองค์รัชทายาทแตกคอกัน คิดว่าคงจะโหยหาคนที่เขาใกล้เขาได้โดยไม่เกรงกลัวองค์รัชทายาท”
เข้าใกล้เขาในตอนนี้ เป็นการให้ถ่านกลางหิมะ [ ให้ถ่านกลางหิมะ เปรียบว่า ให้ความช่วยเหลือในยามที่คนคับขันได้อย่างทันท่วงที]“ลูกสี่เจ้าจำคำของแม่เอาไว้ ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ไม่ใช่การช่วยเหลือชีวิตคน แต่เป็นการช่วยเหลือได้ทันท่วงทีในยามที่คนคับขัน”
องค์ชายสี่มองท่านแม่ของตน อึ้งไปอยู่นานสองนาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแล้วเอ่ยว่า “ขอรับ ท่านแม่! ลูกรู้ว่าควรต้องทำยังไง!”
“อืม! เอาละ เจ้าอย่าอยู่ที่นี่นานเลย วังหลังคนเยอะหูตาแยะ แพร่สะพัดออกไปจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเจ้า เจ้าควรกลับไปได้แล้ว” เฉินกุ้ยเฟยพยักหน้าอย่างพอใจ ให้องค์ชายสี่ออกไปก่อน
“ขอรับ วันหน้าข้าค่อยมาเยี่ยมท่านแม่กับน้องหญิง! น้องหญิงพี่ไปแล้วนะ?”
องค์ชายสี่ลากลับไปด้วยความนอบน้อม มองน้องสาวแสนไร้เดียงสาของตน ก่อนจะยิ้มอย่างหลงใหล
องค์หญิงสิบเอียงศีรษะน้อยๆ โบกมือน้อยๆ ไปทางพี่ชายของตน ไม่เข้าใจเหตุและผลนิดหน่อย ปากร้องไห้ฮือๆ
ยามค่ำคืนมืดมิด หลังองค์ชายสี่พาบริวารของตนเดินออกมาจากตำหนักของเฉินกุ้ยเฟย เขาก็หันกลับไปมองทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็โค้งคำนับน้อยๆ ก่อนจะหายลับไปในความมืดยามราตรี
ผ่านไปไม่กี่เค่อ
ห้องทรงพระอักษรของจักรพรรดิ์
หลี่เจิ้งกำลังเปิดอ่านฎีกา เปิดอ่านไปด้วยพลางมองหวังเหลียนที่ไม่พูดไม่จามาทั้งคืน ก่อนจะหัวเราะและเอ่ยถามว่า
“หัวหน้าขันทีหวัง ทำไมวันนี้เจ้าถึงไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำเล่า? นี่ไม่เหมือนเจ้าอย่างแต่ก่อนเลย”
หวังเหลียนรีบเค้นรอยยิ้มออกมา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมเห็นฝ่าบาททรงจดจ่ออยู่กับการอ่านฎีกา จึงไม่กล้ารบกวน”
“หึๆ”
หลี่เจิ้งหัวเราะราวกับเย้ยหยัน แล้วถามขึ้นว่า “รัชทายาทมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่?”
หวังเหลียนรีบเอ่ย “ทูลฝ่าบาท เมื่อครู่มีรายงานว่าองค์รัชทายาทเสด็จไปพบฮองเฮา อยู่ที่ตำหนักขุยหนิงสองเค่อถึงกลับมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...
มีชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเรื่องนี้ไหมครับ...
อยากให้ อัพ ต่อครับ รอนะครับ...
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
ตอนที่203หาย...
ไม่ update มาหลายวันแล้วครับ...
เรื่องนี้สนุกมากครับ ติดตามแล้ว update ช้าและน้อยไปนะครับ แค่วันละ 2 chapter ขอแนะนำให้เพิ่เป็นวันละ 5 Chapter ครับ...
ตอน 203 หาย...
เรื่องนี้ก็ ok ครับ สนุกดี ขอบคุณadminครับ...
ขอบคุณแอดมินมากครับที่อัปเดทให้อ่าน...