องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 283

สรุปบท ตอนที่ 283 โฆษณาเรียกเงินทุน? ก้าวเข้าสู่วงการโฆษณา!: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน

ตอนที่ 283 โฆษณาเรียกเงินทุน? ก้าวเข้าสู่วงการโฆษณา! – ตอนที่ต้องอ่านของ องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน

ตอนนี้ของ องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน โดย Toey ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 283 โฆษณาเรียกเงินทุน? ก้าวเข้าสู่วงการโฆษณา! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลี่จุ่นที่มุ่งมั่นจะส่งเสริมธุรกิจการเลี้ยงปลาให้เจริญรุ่งเรือง วลีมาตรฐานของผู้ชายเลวที่พออ้าปากก็โพล่งออกมา ไม่บังเอิญเลยที่จ้าวเฟยเอ๋อร์ก็หลงไปด้วย

จ้าวเฟยเอ๋อร์หน้าแดงก่ำขึ้นในทันใด แววตามองออกไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ไม่กล้าสบตากับสายตาของหลี่จุ่นโดยตรง ความเขินอายของสาวน้อยเผยออกมาหมด

“ข้า ข้าเองก็คิดถึงท่าน...” จ้าวเฟยเอ๋อร์เปล่งเสียงที่เขินอายออกมาราวกับเสียงยุง

แต่ทว่า หลี่จุ่นก็ยังจับได้สำเร็จ เขาวางเหล้าที่อยู่ในมือเอาไว้บนโต๊ะ แล้วช้อนใบหน้าอันประณีตนั่นของจ้าวเฟยเอ๋อร์ขึ้นมา ก่อนจะจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่ม

ทั้งสองคนแลกริมฝีปากกัน ผ่านไปนานสองนานถึงได้แยกออกทั้งอารมณ์ยังค้างอยู่

สำหรับคนที่จริงจัง กลางวันแสกๆ ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องที่ไม่เหมาะกับเด็ก ที่บังเอิญคือหลี่จุ่นคิดเอาเองว่าเขาก็คือคนที่จริงจัง

เขาชี้ไปที่เหล้าบนโต๊ะ มองจ้าวเฟยเอ๋อร์ที่ทั้งหน้าแดงเป็นเลือดฝาด งดงามเพริศแพร้วราวกับดอกตูม ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“สุรานี้ ใช้หัวเหล้าปรุงแต่งหมักออกมา รสชาติจะยิ่งกลมกล่อมมากขึ้น พี่หญิงส่งมาให้ข้าร้อยไห ข้าเลยเอามาให้เจ้าชิมไหหนึ่ง หากชอบ ข้าจะเอาทั้งหมดมาให้เจ้า”

“เจ้าค่ะ” จ้าวเฟยเอ๋อร์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดู

นางชอบเหล้า และเขาก็พอใจกับงานอดิเรกนี้ของตนพอดี สิ่งที่โชคดีที่สุดในโลกก็คือสิ่งนี้

ทั้งสองคนจับมือกันนั่งลง หลี่จุ่นเปิดไหรินเหล้าให้จ้าวเฟยเอ๋อร์ จากนั้นก็เข้าสู่ประเด็นหลัก เขาเอ่ยขึ้นว่า “เฟยเอ๋อร์ ข้ามีความคิดหนึ่ง เจ้าฟังดูแล้วคิดว่าดีหรือไม่?”

จ้าวเฟยเอ๋อร์ยกจอกเหล้าขึ้นมา เม้มปากเล็กๆ พลางมองหลี่จุ่น นัยน์ตาประกายความคาดหวังขึ้นมาในทันใด

ความคิดของหลี่จุ่น ที่ผ่านมาใช้ได้ทั้งนั้น มิหนำซ้ำยังนำมาซึ่งกำไรของกิจการอย่างมหาศาล นางจึงคาดหวังเป็นอย่างมาก

หลี่จุ่นเอ่ย “วันนี้ร้านตำรับจ้าวเปิดไปทั่วทั้งตรอกเล็กถนนใหญ่ในเมืองหลวงแล้ว ผู้คนต่างรู้จักกันไปทั่ว หากจะพูดถึงสถานที่ที่เหล่าผู้คนในเมืองหลวงมารวมตัวกันเยอะที่สุดในทุกวัน ก็คงไม่พ้นร้านตำรับจ้าว ฉะนั้นข้าอยากให้ร้านตำรับจ้าวผลักดันอีกกิจการหนึ่ง นั่นก็คือธุรกิจโฆษณา!”

“โฆษณา?”

จ้าวเฟยเอ๋อร์อึ้ง

“โฆษณา” คำนี้เป็นคำที่แปลกและใหม่ นางมักได้ยินจากปากของหลี่จุ่น แต่ความหมายโดยละเอียดแปลว่าอะไร ก็ยังเข้าใจอย่างงูๆ ปลาๆ

ตอนนี้ในใจจ้าวเฟยเอ๋อร์สงสัยเป็นอย่างยิ่ง

หลี่จุ่นหัวเราะพลางอธิบายว่า “พูดให้เข้าใจหน่อย ก็คือช่วยคนเผยแพร่ เหมือนกับครั้งก่อนที่ช่วยเยียนหรันเผยแพร่ไซอิ๋วอย่างนั้น ข้าเรียกมันว่าโฆษณา”

จ้าวเฟยเอ๋อร์นัยน์ตาเป็นประกาย “ข้าเข้าใจแล้ว!”

หลี่จุ่นพยักหน้า หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ในเมืองหลวงตอนนี้ ถ้าจะพูดถึงสถานที่ที่กระจายข่าวได้เร็วที่สุด ร้านเต้าหู้ตำรับจ้าวต้องเป็นที่หนึ่งแล้ว! ไม่เพียงแต่รวดเร็ว แต่ยังกว้างขวาง! ขอแค่กระจายข่าวไปยังสาขาย่อย เชื่อว่าภายในหนึ่งวันก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองฉางอันแล้ว! ฉะนั้นพวกเราสามารถหยิบยกข้อได้เปรียบนี้ มาทำธุรกิจในด้านนี้ ข้าจึงเรียกว่า ‘โฆษณาเรียกเงินทุน’”

การโฆษณาเพื่อเรียกเงินลงทุนประเภทนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดของการโฆษณาในยุคหลัง และได้ผลลัพธ์ที่สูงที่สุด ยุคหลังใช้วิธีเอาธุรกิจข้าวต้มมาผลักดัน ทว่าหลี่จุ่นเสนอในโลกนี้เป็นครั้งแรก จ้าวเฟยเอ๋อร์ตกตะลึงในความสามารถขึ้นมาในทันใด!

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ หลี่หลางสมแล้วที่เป็นหลี่หลาง!

แต่ละความคิดล้วนเก่งกาจถึงขนาดนี้!

“หลี่หลาง ข้าคิดว่าแผนนี้น่าทำทีเดียว!” จ้าวเฟยเอ๋อร์มองหลี่จุ่นอย่างเคลิบเคลิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

ใช่แล้ว!

อีกก้าวที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก!

“อืม ต้องไปหานักวาดที่วาดดีๆ สักคน ตอนที่ช่วยคนทำประกาศโฆษณาต้องทำให้ดูดีหน่อย แน่นอนว่า เงินส่วนนี้ต้องให้ลูกค้าควักจ่ายเอง” หลี่จุ่นเอ่ย

แต่ว่ารายละเอียดผลลัพธ์เป็นอย่างไร ยังต้องดูหลังจากดำเนินการแล้ว ถึงอย่างไรโลกนี้ก็ราวกับไม่ได้มีกิจการที่ต้องทำโฆษณามากมายนัก

อย่างเช่นคุณยายที่ขายแตงอยู่ทางตะวันออกของเมืองทำโฆษณาให้คนไปซื้อแตงของนาง นี่ไม่จำเป็นเลย อย่างนี้จ่ายค่าโฆษณาไม่ไหว

แต่ทว่าหลี่จุ่นรู้ว่าบางแห่งจ่ายค่าโฆษณานี้ไหว

นั่นก็คือร้านหนังสือจิงหง!

ร้านหนังสือจิงหงอยากผลักดันหนังสือนิยายใหม่ของตนภายในระยะเวลาสั้นๆ มาซื้อโฆษณาที่ร้านตำรับจ้าวก็เป็นทางเลือกที่ดี!

ก่อนหน้านี้หลี่จุ่นเองก็นึกว่าจะให้ร้านหนังสือจิงหงผลักดันหนังสือใหม่ของตนอย่างไรถึงจะดี เขาเกิดความคิด นึกถึงการโฆษณาในขณะที่กำลังพิจารณาว่าจะให้ร้านตำรับจ้าวลงมือดีหรือไม่

ดึงดูดร้านหนังสือจิงหงให้มาซื้อโฆษณา เช่นนั้นเป้าหมายการเผยแพร่หนังสือใหม่ของตนก็บรรลุแล้ว มิหนำซ้ำยังทำเงินกับร้านหนังสือจิงหงได้อีกก้อนหนึ่ง นี่ไม่ใช่การค้าขายที่ดีหรอกหรือ?!

ค่าโฆษณานี้จะคิดในต้นทุนอัตราการแบ่งผลกำไรไม่ได้ ฉะนั้นร้านหนังสือจิงหงต้องควักออกเอง!

อืม หลี่จุ่นคิดว่าตัวเองปเนพ่อค้าที่ขูดเลือดขูดเนื้อจริงๆ ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังคิดถอนขนคนอื่นอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน