องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 4

วังหลวงอันเงียบสงัดในคืนมืดมิด

แสงเทียนในตำหนักบรรทมของหลี่เจิ้งฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังคงสว่างไสว

ฮ่องเต้ผู้มีชันษาเกินหกสิบพาดตัวอยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือ เสิ่นคั่วผู้ดำรงตำแหน่งบัณฑิตแห่งสำนักราชบัณฑิตและไท่ฟู่แห่งสำนักศึกษากลางกำลังรอยืนฟังด้วยความเคารพนบนอบ

หลี่เจิ้งตรวจฎีกาเสร็จ หยุดพู่กันแล้วถอนหายใจเอ่ย

“ราชวงศ์อู่เรา หลายปีนี้เจียงหนานฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ชายแดนมั่นคงทุกด้าน มีแต่ชายแดนทางตะวันตกที่มีโจรผู้ร้ายออกอาละวาด ทำจนชาวบ้านอยู่ไม่ได้! ฎีกาห้าสิบสามฉบับในวันนี้ มีสามสิบเอ็ดฉบับล้วนเป็นเรื่องโจรอาละวาดที่ชายแดนตะวันตก! เมื่อไรจะยุติปัญหาโจรผู้ร้ายนี้ได้สักที คืนความสงบสุขให้ปวงประชาราชวงศ์อู่เรา”

เสิ่นคั่วตอบ “ฝ่าบาทปกครองบ้านเมืองมีแบบแผน ขุนนางทั่วราชสำนักต่างทำงานอย่างขยันขันแข็ง ปัญหาโจรผู้ร้ายทางชายแดนตะวันตกจะยุติได้ในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ”

“เฮ้อ ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ”

หลี่เจิ้งถอนหายใจ ยกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะแล้วจิบคำหนึ่ง ก่อนจะถามช้า ๆ “ไท่ฟู่มีความเห็นอย่างไรกับกลอนหิมะพิทักษ์เมืองบทนี้บ้าง”

เสิ่นคั่วถามด้วยความเคารพ “ความหมายของฝ่าบาทคือ...”

“ไท่ฟู่คิดว่ายอดกวีนี้เป็นผลงานของ...องค์ชายหกหรือ” มุมปากของหลี่เจิ้งเผยความเย้ยหยันออกมานิด ๆ

เสิ่นคั่วตอบโดยฉับพลัน “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิกล้ากล่าวคำเท็จพ่ะย่ะค่ะ”

“พูดมาเถอะ” ดวงตาเฒ่าชราของหลี่เจิ้งฉายแวว ปรายตามองเสิ่นคั่วทีหนึ่ง

“ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมจะขอกล่าวความคิดเห็น”

เสิ่นคั่วกัดฟัน เรียบเรียงถ้อยคำก่อนจะกล่าว “กลอนบทนี้ไม่ว่าจะด้วยความหมายหรือว่าตามทิวทัศน์ในขณะนั้น ล้วนแต่มีการใช้คำและสัมผัส เรียบง่ายแต่ล้ำเลิศ พรสวรรค์ในกลอนของผู้แต่ง...สยบทั่วโลกาได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“อ้อ ความหมายของไท่ฟู่คือ องค์ชายหกมีความสามารถล้ำเลิศที่หายากอย่างนั้นรึ”

หลี่เจิ้งแววตาจับจ้อง เย็นชาเล็กน้อย จากนั้นก็ตวาด “เหลวไหลสิ้นดี!”

“กระหม่อมมิกล้า!”

เสิ่นคั่วตกใจคุกเข่าลงทันที “กลอนบทนี้เป็นสุดยอดกวีพันปีได้ แต่จะเป็นผลงานขององค์ชายหกหรือไม่นั้น กระหม่อมมิกล้ากล่าวเท็จพ่ะย่ะค่ะ!”

“หึ!”

หลี่เจิ้งแค่นหึเสียงเย็นก่อนจะพูดต่อ “องค์ชายหกไม่ศึกษาหาความรู้ หลายปีนี้ข้าเห็นอยู่กับตา วันนี้เจ้ากลับถูกมันหลอกต่อหน้าธารกำนัล คิดว่ามันเป็นผู้แต่งกลอนบทนี้ เหลวไหลจริง ๆ หรือว่าหลายปีนี้ข้าตาบอดรึ! ”

“กระหม่อมมิกล้า!” เสิ่นคั่วตัวสั่นเทา

แต่วันนี้ภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลี่จุ่นแต่งกลอนในเจ็ดก้าวจริง ๆ

จับกลโกงอะไรไม่ได้เลย

ครู่หนึ่ง ความเกรี้ยวโกรธบนใบหน้าของหลี่เจิ้งจึงค่อย ๆ สลาย ให้เสิ่นคั่วลุกขึ้นยืน

จากนั้นก็มองกลอนหิมะพิทักษ์เมืองบทนั้นที่คัดลอกอยู่บนโต๊ะ อ่านเบา ๆ รอบหนึ่ง

“พันขุนเขาไร้นกบิน หมื่นทางไร้เท้าคน...คนที่แต่งกลอนบทนี้ขึ้นมา มีความรู้ด้านเพลงกลอนล้ำลึกนัก ใช้คำที่กะทัดรัดธรรมดา เรียบง่ายแต่เข้าใจ ถ้าเผยแผ่อยู่ในหมู่ชาวบ้าน ผู้หญิงเด็กท่องได้ เกรงว่าจะร้องขับขานได้นานทีเดียว ไท่ฟู่ประเมินเช่นนี้ กลับเหมาะสมยิ่งนัก กลอนบทนี้เรียกว่าสุดยอดกวีพันปีได้จริง ๆ”

เขาทอดถอนใจกล่าว “หากข้าได้คนผู้นี้ไว้ใช้งาน กระแสบุ๋นราชวงศ์อู่เราต้องเพิ่มเท่าทวีคูณแน่!”

“ฝ่าบาท วันนี้องค์ชายหกท่องกลอนบทนี้ออกมาในที่นั้นเลย แต่รายละเอียดผู้ใดจะเป็นคนแต่ง กระหม่อม...ดูไม่ออกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นคั่วพูดขึ้น

กลอนบทนี้อัศจรรย์มาก!

องค์ชายหกหลี่จุ่นไม่เอาถ่านเกินไป!

ใครก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลี่จุ่นจะเป็นคนแต่งกลอนบทนี้ขึ้นมา!

เสิ่นคั่วก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!

เพราะแม้แต่เขาที่มีความสามารถแปดส่วนก็แต่งกลอนแบบนี้ออกมาไม่ได้!

หลี่เจิ้งมองกลอนในมือ แค่นเสียงเย็นทีหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฮึ ไม่ศึกษาหาความรู้หลายปี บัดนี้ไม่รู้เอายอดกวีมาจากไหน นึกว่าข้าหลอกง่ายรึ บททดสอบพรสวรรค์โคลงกลอนให้เจ้าผ่านไปก่อนแล้วกัน แต่มีองค์ชายองค์ไหนบ้างที่ไม่ได้เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เช่นนี้ข้าก็จะทดสอบพรสวรรค์ด้านบู๊ของเจ้า ดูสิว่าเจ้ายังจะหลอกข้าได้ยังไงอีก คราวนี้ข้าจะทดสอบด้วยตัวเอง!”

เช้าวันถัดมา

ตำหนักปีกในวังหลวง

ขันทีหวังเหลียนที่รับใช้อยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้ กำลังอัญเชิญพระดำรัสของฮ่องเต้ ปลุกหลี่จุ่นที่กำลังหลับสนิทอยู่

“ฝ่าบาทมีบัญชา องค์ชายหกหลี่จุ่น การทดสอบพรสวรรค์ด้านโคลงกลอนถือว่าผ่าน แต่องค์ชายราชวงศ์อู่ต้องมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ วันนี้ฝ่าบาทจะทดสอบพรสวรรค์ด้านบู๊ขององค์ชายหกด้วยพระองค์เอง! เชิญองค์ชายหกเสด็จไปรับการทดสอบจากฝ่าบาทที่ตำหนักฉีหลินทันที!”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรับบัญชา”

หลี่จุ่นรับบัญชาก่อนจะลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วมุ่น

ทดสอบพรสวรรค์ด้านบู๊?

นี่คือจะทดสอบวิชาหมัดมวยของเขาเหรอ...

ซวยแล้วไหมล่ะ เขาไม่เป็นสักกะติ๊ด!

ช่างเถอะ ดูตามสถานการณ์แล้วกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มันทำอะไรไม่ได้แล้วนี่!

แต่...คุณพ่อฮ่องเต้เผียนอีของเขาคนนี้ มุ่งมั่นแน่วแน่แล้วว่าจะถีบเขาออกจากเมืองหลวง!

โหดมาก!

เมื่อคืนเขาก็รู้แล้ว ถึงเมื่อวานเขาจะผ่านบททดสอบในงานชุมนุมกลอนก็ไม่มีใครเชื่อ คุณพ่อเผียนอีของเขาท่านนี้นี่แหละที่ไม่เชื่อเป็นคนแรก!

เช้ามาก็หาทางกำจัดเขา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน