องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 5

จวนอัครมหาเสนาบดี

หวังเยียนหรันแต่งเนื้อแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องประดับวิจิตรหรูหราทั้งตัว พาสาวใช้เสี่ยวจูเข้าวังแต่เช้า

หวังเยียนหรันคือบุตรีของอัครมหาเสนาบดีหวังโส่วหนิง ได้รับสมญานามว่าเป็นยอดหญิงแห่งเมืองหลวง ได้รับความเมตตาจากฮ่องเต้มาก ดังนั้นจึงประทานป้ายให้ ให้นางไม่ต้องเชิญก็เข้าวังได้ตามสบาย

“คุณหนู นี่พวกเราจะไปทำอะไรกันหรือเจ้าคะ”

สาวใช้เสี่ยวจูงุนงงเล็กน้อย ตามอยู่ข้างหลังคุณหนูบ้านตัวเอง ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสับสน

หวังเยียนหรันตอบ “เสี่ยวจู วันนี้องค์หญิงใหญ่เชิญข้าไปเป็นแขกที่ตำหนักของนาง จะชักช้าไม่ได้นะ”

“หา!”

เสี่ยวจูตกใจทันที “องค์หญิงใหญ่หรือเจ้าคะ”

องค์หญิงใหญ่คือทายาทคนแรกของฮ่องเต้คนปัจจุบัน มีพระมารดาคนเดียวกับรัชทายาท

หลังจากได้รับการแต่งตั้ง องค์ชายและองค์หญิงที่เจริญวัยจะย้ายออกจากวังหลวง แต่เพราะองค์หญิงใหญ่มีพระมารดาองค์เดียวกับรัชทายาท ดังนั้นจึงอยู่ในวังมาตลอด พำนักอยู่ที่ตำหนักชิ่งหนิง

แน่นอนว่ายังมีองค์ชายอีกองค์หนึ่งที่ยังอยู่ในวังหลวง นั่นก็คือองค์ชายหกหลี่จุ่นนั่นเอง

กล่าวถึงองค์หญิงใหญ่ ใต้หล้านี้ไม่มีใครไม่พูดให้สนุกปาก

องค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวินแห่งราชวงศ์อู่ ไม่เพียงแต่สิริโฉมงดงามไม่เป็นสอง ยังเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในหล้า ความสามารถโดดเด่น บทเพลงแห่งบริสุทธิ์สันติสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี แต่ที่สำคัญที่สุดคือ องค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวินถูกยกย่องว่าเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศที่สุดในหล้า!

เรียกได้ว่าฉลาดล้ำแบบสุด ๆ!

ถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นอิสตรี เกรงว่าคนอื่นคงไม่ต้องนั่งตำแหน่งรัชทายาทกันแล้ว

ด้วยเหตุนี้

หลี่เหวินจวินจึงเป็นบุคคลที่บรรดาผู้หญิงใต้หล้าเลื่อมใส

แน่นอน...

หวังเยียนหรันก็มากด้วยความสามารถเช่นกัน โชคดีองค์หญิงใหญ่ชื่นชม เชื้อเชิญให้นางเข้าวังบ่อยครั้ง นานวันเข้า พวกนางจึงกลายเป็นสหายสนิทที่พูดได้ทุกเรื่อง

หวังเยียนหรันมองสาวใช้ที่มองตัวเองด้วยดวงตาเป็นประกายทีหนึ่ง ปิดปากหัวเราะแล้วตำหนิว่า

“เสี่ยวจู คราวนี้เจ้าอย่าได้เสียกิริยาอีกเล่า คราวก่อนพาเจ้าไปเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เจ้าเนี่ย ตาโตเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงใหญ่พระทัยกว้างไม่เอาความ ต้องลงโทษเจ้าที่เสียมารยาทแล้ว”

“ไอ้หยา คุณหนู เสี่ยวจูทราบแล้ว...” สาวใช้หน้าแดงทันที ใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำน่ารักมากทีเดียว

ครั้งก่อนไปพบองค์หญิงใหญ่ เพราะเลื่อมใสมานานหลายปี ดังนั้นขณะที่เจอเป็นครั้งแรกจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ทำเรื่องน่าอายขึ้น

“เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ”

พวกนางเข้าไปในวัง พอมาถึงตำหนักชิ่งหนิงก็เจอกับองค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวินพอดี นางอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน เกี้ยวหงส์สายสะพาย วิจิตรตระการตาไม่เป็นหนึ่ง ดูคล้ายกำลังจะเคลื่อนขบวนไปที่ไหน

“หม่อมฉันหวังเยียนหรันถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”

“เสี่ยวจูถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”

หวังเยียนหรันกับเสี่ยวจูทำความเคารพทันที

หลี่เหวินจวินมีบุคลิกสง่างามเหนือคน พอเห็นหวังเยียนหรันแล้วก็แย้มยิ้มพูดด้วยความดีใจทันที

“อ้าว ลุกขึ้น ๆ น้องเยียนหรันมาแล้ว พอดีเลย ข้ากำลังจะไปตำหนักฉีหลิน เยียนหรันก็ไปกับข้าด้วยกันเถอะ”

หวังเยียนหรันงงงัน

ตำหนักฉีหลิน?

ปกติแล้วตำหนักฉีหลินจะเป็นสถานที่ในการสอนและสอบด้านการปกครองและการทหารของเหล่าองค์ชาย องค์หญิงใหญ่จะไปทำไมกันนะ

แต่หวังเยียนหรันก็ไม่บอกปัด ขึ้นเกี้ยวทันที ไปตำหนักฉีหลินพร้อมกับหลี่เหวินจวิน

ระหว่างทางจู่ ๆ หลี่เหวินจวินก็พูดถึงหิมะพิทักษ์เมือง

“เยียนหรัน เจ้ามีความเห็นยังไงกับกลอนบทนี้ วันนี้ที่เชิญเจ้ามาก็เพราะจะถามความเห็นเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้นี่แหละ”

พอหวังเยียนหรันได้ยินดังนั้น ดวงหน้างดงามก็แย้มยิ้ม ก่อนจะตอบทันทีว่า

“หิมะพิทักษ์เมืองนี้เป็นกลอนดีที่ยากจะพบพานในหลายปีนี้จริง ๆ เพคะ เป็นยอดกวีในยอดกวี แม้แต่เสิ่นไท่ฟู่ก็ยังชื่นชมยกเป็นสุดยอดกวีพันปี โดยเฉพาะท่อนที่ว่า ‘ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำเย็นเยือกยามหิมะโปรย’ หม่อมฉันประทับใจยิ่งนัก”

เมื่อวานนางเจาะจงขอคำชี้แนะจากหลี่จุ่น

เรือน้อยโดดเดี่ยว ชายชราสวมเสื้อหญ้าแฝกหมวกกุ้ยเล้ย ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำเย็นเยือกยามหิมะโปรย

หนึ่งโดดเดี่ยว หนึ่งเดียวดาย แฝงความคิดและอารมณ์ของหลี่จุ่น ทำให้คนประทับใจยิ่งนัก

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหลี่จุ่น หวังเยียนหรันก็เข้าใจกลอนบทนี้มากขึ้น และเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหลี่จุ่นอย่างไม่เป็นรูปเป็นร่างด้วย

หลี่เหวินจวินหัวเราะ รอยยิ้มอ่อนโยน แต่ในแววตากลับปรากฏอารมณ์ซับซ้อนเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดขึ้น

“ก็ไม่รู้ว่าน้องหกไปเอากลอนดี ๆ มาจากไหนสิน่า คนที่แต่งกลอนบทนี้มีความสามารถที่ไม่เคยพบเจอในพันปีจริง ๆ”

หวังเยียนหรันทำหน้าประหลาดใจ “หรือว่าองค์หญิงมิทรงเชื่อว่าองค์ชายหกทรงแต่งขึ้นเองหรือเพคะ”

“หืม”

หลี่เหวินจวินทำหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าหวังเยียนหรันทันที “เจ้าคิดว่า น้องหกแต่งกลอนเองหรือ”

ขณะเดียวกัน

ตำหนักฉีหลิน

หลี่จุ่นสั่งให้องครักษ์ในตำหนักเอาท่อนไม้มาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็มัดขึ้นรูป ตั้งโครงที่สูงกว่ากระถางยักษ์อยู่หน้าตำหนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน