องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 729

วันนี้เป็นการเลี้ยงฉลองทั้งกองทัพ

ขณะที่เฟิงเฉวี่ยนอ๋องเองก็ให้คำตอบเช่นกัน

ในการตัดสินใจให้แคว้นเฟิงเฉวี่ยนขึ้นเป็นมณฑลที่เก้าของราชวงศ์อู่ มีนามว่าเป่ยโจว !

อีกทั้งเป่ยโจวเองจะถือเป็นมณฑลแรกที่มีการปกครองตนเองเป็นการชั่วคราว

ทว่า รายละเอียดที่ชัดเจนยังคงต้องรอทางเมืองหลวงให้คำตอบ แต่เพราะหลี่จุ่นเคยออกปากถามเรื่องนี้ด้วยตนเอง อีกทั้งราชวงศ์อู่เองก็มิได้เสียประโยชน์อันใดจากเรื่องดังกล่าว ดังนั้นหลี่จุ่นต้องยินยอมแน่นอน

ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่น่ามีอะไรผิดพลาด

ในเมื่อแคว้นเฟิงเฉวี่ยนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อู่ เช่นนั้นอาณาเขตทางเหนือทั้งหมดก็ถือว่าเป็นของราชวงศ์อู่แล้ว

แน่นอนว่าต่อให้เฟิงเฉวี่ยนอ๋องไม่ยินดียอมเข้าร่วม ทางเหนือทั้งหมดก็ตกเป็นของราชวงศ์อู่อยู่ดี เพราะหลี่จุ่นได้ยกทัพมาตีจนเอาชนะได้แล้ว

การตั้งเมืองเฟิงหั่วขึ้นใหม่จึงต้องหยุดพักชั่วคราวเพื่อจัดวางแผนตามความเหมาะสม

เพราะว่า

ความเห็นของหลี่จุ่นนั้น เห็นว่าให้ย้ายเมืองหน้าด่านเดิมไปที่เทือกเขาสูงจินเฟิ่ง เพราะที่นั่นมีปราการทางธรมชาติอยู่ สามารถทำให้แม่น้ำ ณ ที่แห่งนี้ไหลเข้าไปยังเทือกเขาสูงจินเฟิ่งได้ แล้วจึงค่อยสร้างเป็นแม่น้ำป้องกันเมือง ดึงน้ำเข้าสู่เทือกเขาสูงเฟิ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีต่อชาวบ้านที่นั่นเช่นกัน

จี้จงชิงลองพินิจดูอย่างถี่ถ้วนแล้วก็เห็นว่าข้อเสนอของหลี่จุ่นนั้นดียิ่งนัก แต่ก็ยังต้องส่งจดหมายกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อไถ่ถามความเห็นของหลี่เจิ้งและขุนนางในราชสำนัก

ในค่ำคืนนี้เอง

กองทัพเจิ้นเป่ยหนึ่งแสนสองหมื่นนายเคลื่อนทัพออกไปในยามค่ำคืน เหลือไว้หนึ่งหมื่นนายคอยอยู่เฝ้าซากเมืองเฟิงหั่วเพื่อรอฟังคำสั่ง

ส่วนหน้าที่ในการดึงเส้นเอ็นข้อมือของทหารฝ่ายศัตรูที่ถูกจับได้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของทัพเฟิงเฉวี่ยน ซึ่งอีกไม่นานก็จะกลายเป็นทัพเป่ยโจว

หลี่จุ่นนำทัพไปพร้อมกับแม่ทัพใหญ่หวังเซิ่งและจงจื่อหนิง ทิ้งให้หลินชิงกับจี้จงชิงอยู่เฝ้าดินแดนทางเหนือ

พวกเขารับผิดชอบติดต่อเจรจากับราชทูตที่มาจากแคว้นเยียน ทั้งสองคนนี้ต่างก็มีฝีมือด้านการเจรจาเป็นเลิศ ให้พวกเขาออกหน้าเจรจานั้นเป็นเรื่องที่เหมาะที่สุดแล้ว

กองทัพจิ้นเป่ยหนึ่งแสนสองหมื่นนายเคลื่อนทัพตลอดคืนไปจนถึงเขาเฟิงโหยว ครั้นเมื่อเดินทางถึงแล้ว ผู้นำใหญ่ทั้งห้าแห่งเขาเฟิงโหยวและจูเหล่าซานก็รีบรุดลงมาจากเขาทันที

เมื่อพวกเขาเห็นทัพใหญ่เคลื่อนพลมาอย่างเอิกเกริกก็พากันบ่นอุบ เกรงว่าคงต้องออกรบอีกเสียแล้ว

หรือดีไม่ดีอาจจะยกทัพมากำจัดพวกเขาทิ้งก็เป็นได้

เพราะโบราณกล่าวไว้ว่าเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

เหล่าผู้นำในเขาเฟิงโหยวนั้น นอกจากผู้นำสี่ที่สีหน้ายินดีปรีดาแล้ว คนอื่น ๆ และจูเหล่าซานต่างก็ลงไปด้วยท่าทีของคนที่ทำใจดีสู้เสือ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลี่จุ่นแล้วก็ยืนนิ่งรอฟังคำสั่งจากอีกฝ่าย

แต่กลับได้ยินหลี่จุ่นเอ่ยขึ้นว่า

“ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้าสองทาง ประการแรกคือให้พวกเจ้าอยู่ที่เขาเฟิงโหยวนี้ต่อไป วันหน้าพวกเจ้าต้องจัดการเรื่องอาหารการกินกันเอง ประการที่สองคือยกทัพตามข้าออกไป ภายภาคหน้ากองทัพเจิ้นเป่ยจะเป็นผู้ดูแลเรื่องการกินอยู่ของเขาเฟิงโหยวเอง พวกเจ้าไปปรึกษากันดูเถิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน