รุ่งเช้าวันที่สอง
เฟิงฉีถัวเรียกให้หลี่จุ่นตื่นนอน จากนั้นทั้งสองก็ทำการล้างหน้าแต่งตัว เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็ขี่ม้าคนละตัวมุ่งไปทางฝั่งเหนือของเมือง
ใช้เวลาขี่ม้าประมาณสามเค่อ ทั้งสองก็มาถึงด้านเหนือของเมืองซ่างหยวนที่ใต้เชิงเขาแห่งหนึ่ง
ถ้ามุ่งไปทางเหนือก็จะเป็นทิศทางไปเมืองเป่ยกวน
ส่วนภูเขาที่ทั้งสองจะเดินทางขึ้นไป ชื่อว่าเขาเปยหลง
ฟังท่านปู่เฟิงเล่าว่า ภูเขาลูกนี้มีชายชราอาศัยอยู่
มีเรื่องเล่าขานกันว่า สมัยโบราณมีคนเคยเห็นมังกรนอนคว่ำอยู่บนเขาลูกนี้ ฉะนั้นจึงเรียกภูเขานี้ว่าเขาเปยหลง ซึ่งก็คือภูเขาที่แบกมังกรเอาไว้นั่นเอง
แน่นอนว่า นี่เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น
และพี่ชายของเฟิงฉีถัวก็รู้สึกถูกใจในชื่อเสียงของภูเขาลูกนี้ ตั้งแต่ที่ออกจากสนามรบก็มาเก็บตัวอยู่ที่นี่
และแน่นอนว่าไม่มีลูกหลานอยู่ข้างกาย ผ่านไปเป็นเวลายี่สิบปีแล้ว
หลี่จุ่นเกิดความเลื่อมใส เมื่อได้ฟังเฟิงฉีถัวพูดบรรยายเกี่ยวกับพี่ชายของตน…
คลั่งไคล้วรยุทธ์
คิดว่า คงจะเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกาจอย่างมาก!
ทั้งสองขี่ม้าไปตามเส้นทางขึ้นภูเขา
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว
เฟิงฉีถัวรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก อีกทั้งวันนี้แสงแดดเจิดจ้า ทั้งสองจึงได้หาที่ร่มเย็นเพื่อพักผ่อนชั่วครู่
แต่ว่า หลี่จุ่นกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด ราวกับยังไม่ทันได้หายใจเลย
เฟิงฉีถัวเห็นแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจว่า
“ดูท่า ร่างกายของเจ้าคงจะมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน”
หลี่จุ่นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าหรือตอนนี้ข้าคงจะฝึกฝนวรยุทธ์ได้แล้ว”
“ใช่แล้ว!”
เมื่อคืนเขาสงสัยมาทั้งคืน รู้สึกว่าตนเองน่าจะฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว!
ถึงอย่างไร ร่างกายของเขาก็ยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้น!
ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์เลยสักนิด แม้แต่ชิงเอ๋อร์ยังพูดว่าตนฝึกฝนทั้งชีวิตก็ฝึกไไม่สำเร็จ
รวมถึงเจียงเยว่ฉานที่มั่นใจในตัวข้าว่าไม่มีทางที่จะฝึกฝนได้
แต่ว่า
ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด จะต้องมีสาเหตุบางอย่างแน่ๆ
คำอธิบายเพียงข้อเดียวก็คือ ทำไมข้อจำกัดในการฝึกวรยุทธ์ของเขาถึงเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ไม่อย่างงั้นตอนที่เขายังไม่เคยกินยา จะสามารถ…ทำอะไรตามใจต้องการทันทีได้หรือ?
แต่ตอนนี้ตนเองสามารถทำได้แล้ว!
“ขอรับ!” หลี่จุ่นพยักหน้า
การขอร้องผู้อื่นก็ต้องถ่อมตัวหน่อย เรื่องนี้เขาเข้าใจดี
ทั้งสองเดินขึ้นบนบันไดหิน และตรงไปยังด้านในอาราม
“ก่อนที่จะถึงประตูหน้าอาราม เฟิงฉีถัวก็ร้องตะโกนขึ้นว่า”
“พี่ใหญ่ พักนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าพาสหายน้อยมาเยี่ยมเยียนท่านแล้ว!”
ผ่านไปพักใหญ่ ประตูอารามก็เปิดออก
คนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวยาวไปถึงตรงกลางอก สวมชุดสีฟ้าคราม
มองลงมาจากที่สูงจ้องไปยังทั้งสองที่ยืนอยู่บนบันได
เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
“เฟิงฉีถัว อยู่ดีๆมารบกวนข้าทำไม?! ยังพาเด็กเมื่อวานซืนมาอีก! มาเยี่ยมข้าทั้งทีแต่กลับไม่มีของติดไม้ติดมือมาด้วยเลยหรือ?”
เฟิงฉีถัวยิ้มอย่างอับอาย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านพี่ ชีพจรของเจ้าหนุ่มผู้นี้ข้าดูไม่ออก จึงพามาให้ท่านตรวจดู”
ชายชราหนวดยาวขมวดคิ้วทันที และเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังว่า
“ตาเฒ่าแก่อย่างเจ้า คิดจะทำให้ข้าต้องเสียเวลาหรือ? แม้แต่เจ้ายังดูไม่ออก แล้วข้าจะดูออกได้อย่างไร?!”
ชายชราผู้นี้พูดจาโผงผางอย่างที่กล่าวไว้จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ปลดล็อคแล้วอ่านไม่ได้...
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...