องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 831

รุ่งเช้าวันที่สอง

เฟิงฉีถัวเรียกให้หลี่จุ่นตื่นนอน จากนั้นทั้งสองก็ทำการล้างหน้าแต่งตัว เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็ขี่ม้าคนละตัวมุ่งไปทางฝั่งเหนือของเมือง

ใช้เวลาขี่ม้าประมาณสามเค่อ ทั้งสองก็มาถึงด้านเหนือของเมืองซ่างหยวนที่ใต้เชิงเขาแห่งหนึ่ง

ถ้ามุ่งไปทางเหนือก็จะเป็นทิศทางไปเมืองเป่ยกวน

ส่วนภูเขาที่ทั้งสองจะเดินทางขึ้นไป ชื่อว่าเขาเปยหลง

ฟังท่านปู่เฟิงเล่าว่า ภูเขาลูกนี้มีชายชราอาศัยอยู่

มีเรื่องเล่าขานกันว่า สมัยโบราณมีคนเคยเห็นมังกรนอนคว่ำอยู่บนเขาลูกนี้ ฉะนั้นจึงเรียกภูเขานี้ว่าเขาเปยหลง ซึ่งก็คือภูเขาที่แบกมังกรเอาไว้นั่นเอง

แน่นอนว่า นี่เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น

และพี่ชายของเฟิงฉีถัวก็รู้สึกถูกใจในชื่อเสียงของภูเขาลูกนี้ ตั้งแต่ที่ออกจากสนามรบก็มาเก็บตัวอยู่ที่นี่

และแน่นอนว่าไม่มีลูกหลานอยู่ข้างกาย ผ่านไปเป็นเวลายี่สิบปีแล้ว

หลี่จุ่นเกิดความเลื่อมใส เมื่อได้ฟังเฟิงฉีถัวพูดบรรยายเกี่ยวกับพี่ชายของตน…

คลั่งไคล้วรยุทธ์

คิดว่า คงจะเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกาจอย่างมาก!

ทั้งสองขี่ม้าไปตามเส้นทางขึ้นภูเขา

เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว

เฟิงฉีถัวรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก อีกทั้งวันนี้แสงแดดเจิดจ้า ทั้งสองจึงได้หาที่ร่มเย็นเพื่อพักผ่อนชั่วครู่

แต่ว่า หลี่จุ่นกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด ราวกับยังไม่ทันได้หายใจเลย

เฟิงฉีถัวเห็นแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจว่า

“ดูท่า ร่างกายของเจ้าคงจะมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน”

หลี่จุ่นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าหรือตอนนี้ข้าคงจะฝึกฝนวรยุทธ์ได้แล้ว”

“ใช่แล้ว!”

เมื่อคืนเขาสงสัยมาทั้งคืน รู้สึกว่าตนเองน่าจะฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว!

ถึงอย่างไร ร่างกายของเขาก็ยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้น!

ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์เลยสักนิด แม้แต่ชิงเอ๋อร์ยังพูดว่าตนฝึกฝนทั้งชีวิตก็ฝึกไไม่สำเร็จ

รวมถึงเจียงเยว่ฉานที่มั่นใจในตัวข้าว่าไม่มีทางที่จะฝึกฝนได้

แต่ว่า

ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด จะต้องมีสาเหตุบางอย่างแน่ๆ

คำอธิบายเพียงข้อเดียวก็คือ ทำไมข้อจำกัดในการฝึกวรยุทธ์ของเขาถึงเกิดการเปลี่ยนแปลง!

ไม่อย่างงั้นตอนที่เขายังไม่เคยกินยา จะสามารถ…ทำอะไรตามใจต้องการทันทีได้หรือ?

แต่ตอนนี้ตนเองสามารถทำได้แล้ว!

“ขอรับ!” หลี่จุ่นพยักหน้า

การขอร้องผู้อื่นก็ต้องถ่อมตัวหน่อย เรื่องนี้เขาเข้าใจดี

ทั้งสองเดินขึ้นบนบันไดหิน และตรงไปยังด้านในอาราม

“ก่อนที่จะถึงประตูหน้าอาราม เฟิงฉีถัวก็ร้องตะโกนขึ้นว่า”

“พี่ใหญ่ พักนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าพาสหายน้อยมาเยี่ยมเยียนท่านแล้ว!”

ผ่านไปพักใหญ่ ประตูอารามก็เปิดออก

คนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวยาวไปถึงตรงกลางอก สวมชุดสีฟ้าคราม

มองลงมาจากที่สูงจ้องไปยังทั้งสองที่ยืนอยู่บนบันได

เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

“เฟิงฉีถัว อยู่ดีๆมารบกวนข้าทำไม?! ยังพาเด็กเมื่อวานซืนมาอีก! มาเยี่ยมข้าทั้งทีแต่กลับไม่มีของติดไม้ติดมือมาด้วยเลยหรือ?”

เฟิงฉีถัวยิ้มอย่างอับอาย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า

“ท่านพี่ ชีพจรของเจ้าหนุ่มผู้นี้ข้าดูไม่ออก จึงพามาให้ท่านตรวจดู”

ชายชราหนวดยาวขมวดคิ้วทันที และเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังว่า

“ตาเฒ่าแก่อย่างเจ้า คิดจะทำให้ข้าต้องเสียเวลาหรือ? แม้แต่เจ้ายังดูไม่ออก แล้วข้าจะดูออกได้อย่างไร?!”

ชายชราผู้นี้พูดจาโผงผางอย่างที่กล่าวไว้จริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน