องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 836

หลี่จุ่นตกตะลึงในทันที

ได้ไง?

หากนางไปด้วย แล้วเขาจะร่วมทำสงครามรักสามร้อยเพลงรบกับทัวทัวและอาหยวนได้ยังไง

มันเป็นไปไม่ได้

“เอ่อ พี่หลิงจือ ไม่เห็นต้องทำถึงเพียงนั้นเลย...”

หลี่จุ่นแสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

ทว่า

เฟิงหลิงจือกลับมีท่าทีเด็ดขาด และพูดว่า

“ไม่ได้ จิ่งจุ่น แม่นางตระกูลจิ่งทั้งสองต่างเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว หากเจ้าไปไหนมาไหนกับพวกนางตามลำพังย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของพวกนางอย่างมาก และยังส่งผลเสียต่อตัวเจ้าเองเช่นกัน”

หลี่จุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

แอบพูดในใจว่าเจ้ายังไม่ออกเรือน ข้าก็ยังไปเที่ยวเล่นกับเจ้าบ่อยๆ เหตุใดไม่กังวลชื่อเสียงและเกียรติยศของตัวเองบ้างล่ะ

แต่ก็เพราะเฟิงหลิงจือหวังดีต่อเขา หลี่จุ่นเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีจึงพูดว่า

“ก็ได้ พี่หลิงจือ เช่นนั้นแล้วข้าก็จะพาท่านไปด้วย”

“พี่จุ่น ท่านพี่ ข้าก็อยากไป”

ในเวลานี้

เฟิงหลิงหวนเด็กสาวผมแกะวิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนดังลั่น

ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องตกตะลึงก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้กัน

หลี่จุ่นลูบศีรษะของเด็กสาวพลางพูดว่า

“ก็ได้ งั้นก็พาเสี่ยวหวนไปด้วย”

แผนการของหลี่จุ่นที่ต้องการใช้โอกาสนี้สานสัมพันธ์กับทัวทัวและอาหยวนล้มเหลวจึงทำได้เพียงยกเลิก

เขาตัดสินบอกแผนการต่อไปของตนกับพวกนางเมื่อไปถึงหอชุนเฟิงในวันพรุ่ง

เขามาที่แคว้นหนานไม่ใช่เพราะเฟิงฉีถัวพาเขามาแคว้นหนานเพื่อช่วยเขา แต่เขาใช้โอกาสนี้ย้ายศูนย์กลางอำนาจของตนเองมาแคว้นหนานด้วย

แม้แต่

ขุนนางใหญ่ในราชสำนักจากตระกูลเฟิงผู้นั้นก็เป็นเป้าหมายของเขาเช่นกัน

กระนั้นเขาจึงแสร้งความจำเสื่อมและอาศัยอยู่ในตระกูลเฟิงต่อไปเพื่อหาทางติดต่อกับคนๆ นั้น

และคนๆ นี้สามารถช่วยให้เขาติดต่อกับจักรพรรดินีได้ การติดต่อกับจักรพรรดินีนั้นก็เพื่อช่วยอวี้เซียงแก้แค้นและเพื่อบรรลุความร่วมมือกับจักรพรรดินี

เพราะราชวงศ์อู่เป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สุดของจักรพรรดินีและหลี่เจิ้งก็คืออุปสรรคอันใหญ่หลวงที่สุดในการสืบต่อราชบัลลังก์

ตอนนี้เขาไม่สามารถหาเงินจากการค้าของตนในเมืองหลวงได้จึงทำได้เพียงวางแผนการค้าอื่นเพื่อสร้างรายได้ใหม่

มีเงินทำอะไรก็ง่าย

กระนั้น

เขาเตรียมเริ่มแผนการค้าใหญ่ของตนในแคว้นหนาน แล้วเรียนวรยุทธ์กับเฟิงอู่หังและอาหยวนเพื่อพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ตัวต่อตัวของตน จากนั้นค่อยๆ วางแผนการต่อไป

หลังจากนั้นก็เกณฑ์ทหารและซื้อม้า... ไปล้างแค้น

ความแค้นระหว่างเขากับหลี่เจิ้งควรถึงเวลาปิดฉากเสียที

เขาไม่คิดจะเขียนนิยายแนวไซอิ๋วหรือห้องสินอะไรทำนองนี้แล้ว

และครั้งนี้ไม่คิดจะขายแบบเปิดเผย แต่อยากลักลอบขาย

แล้วหนังสืออะไรที่สร้างรายได้และทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินล่ะ

แน่นอนว่าต้องเป็นบุปผาในกุณฑีทอง

ทว่า

แม้ว่าเขาจะจำเนื้อหาของสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนได้ถึงร้อยละแปดสิบก่อนข้ามมิติมา แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนจริงจังเช่นนี้จะอ่านหนังสืออย่างบุปผาในกุณฑีทองได้อย่างไรกัน

แม้ว่าหนังสือนี้จะได้รับการยกย่องอย่างสูง มีคนบอกว่าเรื่องนี้ควรเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน แต่เขาเป็นคนจริงจัง

เขาอ่านแค่ไป่เจี๋ย

อาปินกับคุณป้าเจ้าของห้องอะไรทำนองนี้เท่านั้น

หลี่จุ่นตัดสินใจไม่ลอกแล้ว แต่จะเขียนเอง แต่งเอง

เพราะเขาเขียนมันได้

และเชี่ยวชาญอย่างมาก

ก็แค่หนังสือลามกเท่านั้น

ความรู้ที่มีในหัวบวกกับประสบการณ์จริงจะเอาชนะใจผู้คนในสังคมดั้งเดิมนี้ไม่ได้เชียวหรือ

เป็นไปไม่ได้

หลี่จุ่นมั่นใจอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน