องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 892

ใกล้จะถึงยามค่ำแล้ว

ในที่สุดหลี่จุ่นก็กลับมาที่เรือนตระกูลเฟิงด้วยสภาพ "อาการหอบเหนื่อย"

มิหนำซ้ำยังทำให้ตัวเองเหงื่อออกทั่วตัว แต่ที่จริงแล้วคือการตั้งใจใช้น้ำทำให้ตัวเปียก

ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงด้านนอกประตู คนรับใช้ในจวนต่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเขา

อย่าว่าไป ผู้เฒ่าเฟิงก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

นายหญิงบ้านใหญ่ที่เลี้ยงดูเขาประหนึ่งเป็นลูกเขยก็อยู่ที่นี่ด้วย

แล้วยังมีซั่งกวนเฮ่ากับเฟิงจินเป่าก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วย สีหน้าของซั่งกวนเฮ่าดูเบาใจขึ้นเปลาะหนึ่งทันที

ขณะที่สีหน้าของเฟิงจินเป่ายังดูบอกบุญไม่รับอยู่บ้าง

หลี่จุ่นเห็นดังนั้น จึงก้าวขึ้นไปข้างหน้าทันทีและพูดขึ้น

“ท่านปู่เฟิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?”

ผู้เฒ่าเฟิงมองดูหลี่จุ่นทันทีตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับต้องการดูว่าเขาสบายดีหรือไม่ เมื่อมั่นใจว่าหลี่จุ่นสบายดีแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีพลางเอ่ยขึ้น

“เจ้าทำให้พวกเราตกใจกลัวแทบแย่ ยังคิดว่าเจ้าหลงทางแล้วด้วยซ้ำ กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้วละ”

หลี่จุ่นจึงพูดขึ้นทันที

“ท่านปู่เฟิง ท่านอย่าได้ตำหนิท่านอาเป่าจินเลย ท่านอาเป่าจินบอกว่าช่วงนี้ข้ากำลังฝึกวรยุทธ์ เขาเลยทิ้งข้าไว้กลางทางแล้วให้ข้าวิ่งกลับมาเอง”

“เขาบอกว่าเป็นการฝึกข้า แต่พูดก็พูดเถอะ ข้าเหนื่อยจนเกือบจะหมดแรงจากการวิ่งกลับมาจากที่นั่น เชื่อว่าถ้าข้านอนพักสักหน่อย พรุ่งนี้ข้าก็สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ครึ่งวันแล้ว”

หลี่จุ่นแซะคนอื่นเก่งยิ่งนัก เพียงอ้าปากก็เห็นได้ถึงทักษะความมารยาร้อยเล่มเกวียนได้ชัดเจน !

เมื่อผู้เฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็กันไปต่อว่าเฟิงเป่าจินทันที

ทางนายหญิงบ้านใหญ่ก็โกรธยิ่งกว่าเดิม บอกว่าหลี่จุนมีบาดแผลเก่าที่ยังไม่หายดี ถ้าเขาพลาดขึ้นมาอีกคงได้วุ่นวายกันแน่

เลิกพูดถึงไปได้เลย

สีหน้าของเฟิงเป่าจินตอนนี้คร่ำเคร่งด้วยความโกรธ

แต่เพราะไม่กล้าเถียงกับบิดาและพี่สะใภ้ของตน จึงทำได้เพียงพูดตอบรับแค่ไม่กี่คำเท่านั้น

จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่หลี่จุนอย่างโกรธแค้น ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง

การที่หลี่จุ่นกลับมาช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก

เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดี ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำสิ่งที่ควรทำ

จากนั้นซั่งกวนเฮ่าก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจและพูดขึ้น

“คือว่า... สวีเฟิ่งเหนียน... เรื่องนิยายน่ะ เราช่างมันเถอะนะ…”

"ช่างเถอะหรือ ?"

หลี่จุ่นขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าสูญเสียเงินไปตั้งเท่าไรจากปัญหาที่เจ้าก่อขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาน่ะ? เจ้าบอกว่าช่างมันก็ช่างมันอย่างนั้นหรือ ?”

ซั่งกวนเฮ่าจึงรีบกล่าวทันที

“ข้าจะชดใช้เอง เสียไปเท่าไรข้าก็จะจ่ายให้หมด...”

หากเจ้าเด็กบ้านี่ไปฟ้องพี่สาวของเขา เช่นนั้นตั้องเกิดเรื่องเป็นแน่ !

หากพี่สาวรู้ว่าตัวเองอ่านนิยายประเภทนั้น คงต้องได้มีตีจนขาหักกันไปข้างหนึ่ง จากนั้นก็กักบริเวณหนึ่งปี ให้ตนอ่านคัมภีณ์แห่งปราชญ์ เช่นนั้นคงต้องแย่แน่ ๆ

เรือนแถวนี้ราคาไม่แพงนัก

เพียงจ่ายหนึ่งถึงสองร้อยตำลึงก็สามารถซื้อเรือนที่มีทางเข้าทางออกอย่างน้อยสามทางได้สบาย ๆ

“อืม เรือนที่เจ้าต้องหาให้ข้าจำเป็นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขเหล่านี้…”

หลี่จุ่นบอกเขาถึงเงื่อนไขของเขาอย่างคร่าว ๆ ครั้นเมื่อซั่งกวนเฮ่าฟังจบแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วจากไป

แต่เพียงเพิ่งจะเดินออกไป

จู่ ๆ เขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับและเดินกลับไปอีกครั้ง พร้อมเอ่ยเตือน

“สวีเฟิ่งเหนียน หากเจ้าไม่ต้องการถูกพี่สาวของข้าอัดจนน่วม ก็อย่าปล่อยให้นางได้รู้ว่าเจ้ากำลังขายหนังสือนิยายเล่มนี้อยู่ !”

“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว !” หลี่จุ่นพยักหน้ารับ

ตลกน่า !

ในนิยายเล่มนั้นเขาเขียนเกี่ยวกับการประชันกันสามรอบระหว่างจักรพรรดินีกับชายเจ้าของร้านอย่างละเอียด จักรพรรดินีคือซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ หากนางรู้ นางจะไม่ฆ่าลูกศิษย์เพื่อความถูกต้องหรอกหรือ ?

หลี่จุ่นย่อมต้องระมัดระวังอย่างยิ่งถึงที่สุดอยู่แล้ว

อืม... กันไว้ดีกว่าแก้... ให้เฟิงเป่าหลินระวังตัวไว้ด้วยก็ดี

หรือไม่ก็ลบบทที่เกี่ยวกับจักรพรรดินีนั่นออกไปในการขายเล่มหลัง ๆ

เพราะว่า

ช่วงนี้จักรพรรดินีก็อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง หากนางเห็นหนังสือนิยายเล่มนั้นขึ้นมา อาจโกรธมากจนฆ่าคนได้ !

เช่นนั้นคงได้จบเห่กันแน่ ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน