องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 936

หลังจากที่เจียงเฟิงนำกำลังทหารหนีออกจากเมืองไปได้ไม่ไกลนัก ก็ได้หยุดอยู่ที่นอกเมืองซึ่งห่างจากเมืองสิบกว่าลี้

ก่อนจะส่งคนไปตรวจสอบด้านหลังเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไล่ตามเขา จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เพียงแต่

คลังแสงตกอยู่ในมือของอีกฝ่ายไปแล้ว คราวนี้จะทำอย่างไรดี

เขาสูญเสียคลังแสงไปแล้ว จะต้องถูกตัดหัวแน่ ๆ!

เจียงเฟิงรีบคิดหาทางตอบโต้ทันที

ไม่นานนักก็โบกมือเรียกคนแล้วสั่งการว่า

“สั่งการให้ทั้งกองทัพพักกันก่อน แล้วอีกครึ่งชั่วยามไปโจมตีเมืองกลับ!”

ว่าไงนะ

โจมตีเมืองงั้นเหรอ

คำสั่งนี้ทำให้ผู้นำเหล่าทหารที่อยู่รอบตัวเขาพากันตกใจ!

จะโจมตีเมืองด้วยกำลังพลเพียงแค่นี้งั้นหรือ

ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย

มีคนคัดค้านขึ้นมาทันที

“นายท่าน เรื่องที่เราจะโจมตีเมืองมันดูเหมือน...”

ดูเหมือนอะไรน่ะเหรอ

ก็ดูเหมือนรนหาที่ตายน่ะสิ!

ทว่า!

เจียงเฟิงขัดจังหวะอีกฝ่ายที่กำลังพูด

“อย่ากังวล เราแค่แสร้งทำเป็นโจมตี จุดประสงค์คือเพื่อก่อกวนศัตรู เพื่อให้พวกเขามุ่งความสนใจไปที่การป้องกันเมืองเท่านั้น จะได้ไม่มีเวลาไปใส่ใจกับคลังแสง! ตราบใดที่อาวุธยุทโธปกรณ์ยังอยู่ในเมือง มันยังคงเป็นของกองทัพเรา!”

พูดเป็นเล่นหน่า!

เขาได้ทำการศึกษายุทธการเหล่านั้นที่ชายแดนทางตอนเหนือซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

จิ่งอ๋องผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านบทกวีที่พบเห็นได้ยาก แต่ยังเป็นผู้บัญชาการที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย!

พิชัยสงครามของเขาน่าทึ่งมาก!

ไม่ว่าจะเป็นสงครามกองโจรหรือการรบแบบสายฟ้าแลบสิ่งเหล่านี้ล้วนน่าอัศจรรย์และน่าทึ่งจริง ๆ!

โดยเฉพาะสงครามกองโจรที่เข้าโจมตีศัตรูในขณะที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้นั้นยอดเยี่ยมมาก ๆ

ครั้งนี้เขาก็เลยลองทำตามบ้าง เขาแค่ต้องการก่อกวนกองทัพศัตรูอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพศัตรูไม่เป็นอันทำอะไร แล้วมุ่งความสนใจไปที่การปกป้องเมืองเท่านั้น!

เจียงเฟิงคิดในใจและตัดสินใจทันที

ขณะเดียวกันก็ทอดถอนหายใจอย่างใจหายและพูดกับตัวเองว่า

“เห้อ น่าเสียดายจริง ๆ น่าเสียดายยอดกวีแห่งยุค เสียดายจอมทัพหนุ่มที่จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นผู้มากด้วยพรสวรรค์กลับต้องมาเจอจุดจบเช่นนี้ ช่างน่าเศร้า”

ก่อนหน้านี้เมื่อเจียงเฟิงได้ยินข่าวการตายของหลี่จุ่น ก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา

เมื่อเขารู้ว่าจอมทัพคนใหม่ของชายแดนทางตอนเหนือที่ฝ่าบาทจงใจปกปิดนั้นคือหลี่จุ่น

เขาก็ยิ่งแน่ใจขึ้นไปอีก!

ว่ายุทธการที่ยอดเยี่ยมในชายแดนทางตอนเหนือนั้นเป็นฝีมือของหลี่จุ่น!

เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นท่านอัครมหาเสนาบดีจี้!

กองทัพขนาดใหญ่มุ่งหน้าเข้ามายังเมืองเฟิงหลิง!

นอกจากทหารกองหน้าแล้ว พวกเขายังนำมาโดยกองทัพอันแข็งแกร่งน่าเกรงขาม สวมชุดเกราะเหล็กพร้อมถือทวนวงเดือนในมือ!

นี่คือกองทัพเกราะเหล็ก!

ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็กหนา มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง และก็เป็นเหล่าทหารที่แข็งแกร่งยามต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับศัตรู!

และในกองทัพนี้เอง มีทหารหุ้มเกราะถึงสามหมื่นนาย!

ขบวนกองกำลังทหารเรียงรายราวกับมังกรตัวยาวกำลังทยานสู่ท้องนภา

เป็นกองกำลังทหารสองแสนนายที่ทรงพลังน่าเกรงขาม!

ทันใดนั้นเอง!

มีหน่วยม้าเร็วควบม้าผ่านกองทัพอันยาวเหยียดมุ่งตรงไปยังรถม้าที่อยู่กลางขบวนอย่างรวดเร็ว

ทหารสอดแนมที่อยู่บนหลังม้าพูดเสียงดัง

“รายงาน! รายงานด่วนจากอำเภอผิงอัน!”

จากนั้นรถม้าก็ค่อย ๆ หยุดลง

มือเหี่ยวย่นบ่งบอกความชรายื่นออกมาจากหน้าต่างรถพลางเปิดม่าน

จากนั้น!

อวี่เหวินจิ้งหรือที่ในยุทธภพต่างขนานนามกันว่าจิ้งจอกเฒ่าก็ได้เผยหน้าอันแก่ชราออกมา

ทหารสอดแนมลงจากหลังม้าแล้วก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ

“ไท่ซือ นกพิราบบินมารายงานเมื่อหนึ่งเค่อ (เค่อเท่ากับสิบห้านาที) ที่แล้ว จู่ ๆ อำเภอผิงอันก็ถูกโจมตีโดยกองกำลังทหารศัตรูจำนวนมากเมื่อตอนเที่ยงวันนี้ มีกองกำลังทหารศัตรูมากมายจนทำให้แม่ทัพที่ปกป้องเมืองไม่มีทางเลือก ต้องละทิ้งเมืองและหลบหนี ตอนนี้พวกเขากำลังขอความช่วยเหลือจากกองทัพของเราโดยขอให้ไปทางเหนือเพื่อโจมตีเมืองและยึดเมืองคืนมา!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน