องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 983

หลี่จุ่นก้าวเข้าไปในรถของปันหมิ่น

พวกหยวนเฟิงที่เดินทางไปด้วยกันหลับตาลงข้างหนึ่ง เดิมทีไม่กล้ามองทั้งลืมตาทั้งสองข้างอยู่แล้ว

และไม่กล้าสงสัยว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน รู้เพียงแค่ว่ากุนซือคือลูกผู้ชาย!

กล้าเผชิญหน้ากับสาวงาม ชอบก็ไป!

ถ้าเป็นพวกเขาละก็ หากต้องมาเผชิญหน้ากับสาวงามเช่นนี้ แค่ยกเท้ายังยกไม่ขึ้น พูดจาอะไรก็ติด ๆ ขัด ๆ

ทว่ากุนซือต่างออกไป มุดเข้าไปในรถม้าของเขาเลย เทียบได้หรือ?

เทียบไม่ได้หรอก!

กุนซือน่าเกรงขามสุด ๆ!

ไม่แน่ว่ายังกล้ามุดใต้กระโปรงเขาอีกด้วย

ตลอดทางมาถึงยังด่านเฮยเฟิง

ด่านเฮยเฟิงในตอนนี้กลายเป็นเมืองหน้าด่านที่ไร้การคุ้มกันเมืองหนึ่ง พ่อค้าแม่ค้าส่วนหนึ่งที่เดิมอยู่ที่เมืองเฟิงหั่วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ เป็นที่พักชั่วคราว

ในตอนนี้ ภายในเมืองหน้าด่านยังคงครึกครื้นอยู่ทีเดียว

มีคนตั้งแผงลอยเล็ก ๆ อยู่ที่นี่ พร้อมทั้งมีคนเปิดโรงเตี๊ยมด้วย

เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนที่สัญจรไปมา

หลี่จุ่นเองก็ไม่แน่ใจว่าจะจัดการที่นี่อย่างไรดี แต่ว่าคงจะสร้างขยายเป็นตัวอำเภอหนึ่ง

คิดว่าในภายภาคหน้าเป่ยโจวจะส่งนายอำเภอที่เข้มงวดมา

เมื่อพวกหลี่จุ่นผ่านเมืองหน้าด่าน แทบจะไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไร เพียงแต่มีคนมองอยู่สองสามทีเท่านั้น

ตั้งแต่เรื่องศึกที่ชายแดนเหนือนี้จบลง การค้าขายก็เริ่มกลับมาฟื้นฟู พ่อค้าแม่ค้าที่สัญจรไปมาเริ่มทำการค้าขายอย่างแต่ก่อนแล้ว

ด้วยเหตุนี้ผู้คนสัญจรไปมา เพียงแค่ขบวนรถม้าขบวนหนึ่งจึงไม่มีความพิเศษอะไร

เมื่อผ่านเมืองหน้าด่านไปแล้ว ก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ

ครั้นเห็นว่าใกล้จะถึงเป่ยโจวแล้ว มองเห็นเมืองเป่ยโจวอยู่เบื้องหน้าแล้ว

หลี่จุ่นถึงได้ออกมาจากรถม้า แน่นอนว่าเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกปันหมิ่นด่าพึมพำ ๆ อยู่พักหนึ่ง

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินเสียงบ่นพึมพำ ๆ ของสาวน้อย เขาก็รีบหันหน้าไปบีบคางของนางเอาไว้ ปันหมิ่นพลันอึ้งทึ่งไปเลย

ตัวนางชะงักไปในทันใด นึกไม่ถึงว่าหลี่จุ่นจะกล้าทำถึงขั้นนี้

หลี่จุ่นเอ่ยขู่ข้างหูว่า

“ฮ่า ๆ ลัทธิขงจื๊ออย่างนั้นหรือ? แค่นี้น่ะหรือ? ความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวของท่านกับศิษย์พี่เมิ่งก็คือมารดา ฉะนั้นขืนยังกล้าด่าข้าอีก ระวังข้าจะ...จับท่านลงโทษตามกฎหมายของที่นี่เสีย!”

ในที่ลับไม่รู้ว่าสีหน้าของปันหมิ่นแดงระเรื่อมากเพียงใด นางเดือดเป็นฟืนเป็นไฟจนไม่กล้าออกไป

ในตอนนี้เองหลี่จุ่นถึงได้เรียกซือคงซั่วมาอย่างไม่รีบร้อน แล้วเดินเข้าไปเมืองเป่ยโจว

ทั้งสองคนใช้หลักฐานยืนยันตัวตนปลอม เข้าไปในเมืองเป่ยโจวได้สำเร็จ

เดินไปบนถนน ซือคงซั่วเอ่ยขึ้นอย่างลังเลอยู่เล็กน้อย

“กุนซือ นี่เราจะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ?”

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเป่ยโจวล้วนแทบจะเป็นคนของเผ่าเฟิงเฉวี่ยนทั้งหมด พวกเขาไม่เข้าใจภาษาของที่นี่

“เจ้าเตือนขึ้นมาก็ดี!”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินดังนั้น ก็รีบหยุดฝีเท้า พลันมองหาไปรอบ ๆ เจอร้านเหล้าร้านหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า

ซือคงซั่วเห็นแล้วก็งงเป็นไก่ตาแตกไม่เข้าใจ!

นี่จะมาไม้ไหนละเนี่ย?

ซือคงซั่วคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่ก็ยังถือไหเหล้าเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง

ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินไปที่ศาลาผู้ว่าการเลย

ในเมื่อเป็นเป่ยโจวแล้ว แม้จะเป็นมณฑลปกครองตนเอง แต่ก็มีศาลาผู้ว่าการอยู่หนึ่งที่

มิหนำซ้ำแน่นอนว่าตัวแทนปกครองที่อยู่ในศาลาผู้ว่าการนี้ต้องเป็นคนของราชวงศ์อู่อยู่แล้ว ต่อให้ย่ำแย่แค่ไหนก็ต้องเป็นคนเฟิงเฉวี่ยนที่เข้าใจภาษาถิ่นราชวงศ์อู่

ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ถูกขวางเอาไว้!

ทว่าทหารยามของศาลาว่าการที่อยู่หน้าประตูฟังทั้งสองคนพูดไม่เข้าใจ จึงเดินเข้าไปรายงานด้านใน บอกว่ามีคนราชวงศ์อู่มาสองคน จะเมินเฉยต่อคนราชวงศ์อู่ไม่ได้

ไหน ๆ ก็มาพักในศาลาว่าการแล้ว ต้องทักทายดี ๆ

ผ่านไปไม่นาน ก็มีขุนนางเฒ่ารูปร่างอ้วนท้วมเล็กน้อยเดินออกมา

มีคนจุดโคมไฟสองข้างซ้ายขวาให้เขา

หลี่จุ่นชำเลืองมองไปทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็ต้องดีอกดีใจ

เยี่ยมไปเลย!

นี่มันหนีกู่เจ้าหมอนั่นไม่ใช่หรือ?

ส่วนหนีกู่เดินหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อเห็นหน้าแล้วก็ไม่นึกว่าจะเป็นหลี่จุ่น เขาพลันอึ้งไปเลย!

เขาเกือบจะรีบคุกเข่าลงให้หลี่จุ่นแล้ว เขาทำท่าคารวะตรงนั้นเลย ก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างนอบน้อม

“ท่านจอมทัพ ท่านมาได้อย่างไร?! ข้าน้อยขอคารวะท่านจอมทัพ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน