องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 987

ปันหมิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยตอบว่า

“ตอนกลางวัน ข้าเห็นอู๋อี๋หลิงผู้บัญชาการแห่งแคว้นฉี แล้วก็หวงฉวนเหวินอัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นฉี...ท่าทีที่สองคนนี้มีต่อแคว้นหนาน...ไม่ใช่มิตรภาพ พวกเขาอยากจะยึดทัพใหญ่ของแคว้นหนานไป...เพื่อให้พวกเขาได้ใช้งาน”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินดังนั้น ก็พลันขมวดคิ้วเข้าหากัน!

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดการได้ยากแล้ว!

ไม่ทำการควบรวมแต่อยากจะทำการยึดไปเป็นของตน?

ช่างละโมบโลภมากจริง ๆ!

นี่คือความกล้าหาญของทัพใหญ่แคว้นฉีหรือ?

แม่มันช่างสุดยอดจริง ๆ!

แต่ทว่า

คิดดู ๆ อีกทีแล้ว ราวกับมีอะไรไม่ชอบมาพากล

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

หลี่จุ่นมองไปที่จักรพรรดินี แล้วเอ่ยปากถาม

ก็ยังต้องดูการยินยอมของจักรพรรดินี หากจักรพรรดินียอมถูกคนเขายึดกองกำลังไปเป็นของตน เช่นนั้นตนก็ไม่มีอะไรต้องพูด คืนนี้จะได้ออกไปเลย!

กลับไปหาสมาคมเทียนตี้และทุกคนที่เขาเฟิงโหยว

ตอนนี้ทุกคนที่เขาเฟิงโหยวคงกำลังขุดเหมืองดินประสิวที่ภูเขาหลงจ่างกันอยู่ และส่วนประกอบของดินปืนเขาได้ลอบเผยแพร่ออกไปตอนที่อยู่หลินโจวแล้ว

หากเขากลับไปทางนั้นตอนนี้ เดาว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่งอาจจะสร้างเรื่องได้ ยังต้องอยู่รับความคับอกแค้นใจอยู่ที่นี่อีกทำไม?

ก่อกบฏเอง บุกเข้ายึดอำนาจด้วยกำลังด้วยตัวเอง!

หลี่จุ่นมองจักรพรรดินี ทว่าจักรพรรดินีกลับส่ายหน้าแล้วเอยว่า

“ไม่ปิดบังกุนซือ ตอนนี้ข้าไม่มีแผนใด ๆ ทั้งสิ้น ทัพแคว้นฉีหกหมื่นนาย หากทำให้ทัพของข้าต้องตกที่นั่งลำบากจริง ๆ พวกข้าก็ไร้กำลังที่จะต่อต้าน!”

หลี่จุ่นขมวดคิ้วจนเป็นปมแน่น ครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า

“ฝ่าบาท ขอเวลาให้กระหม่อมกลับไปคิดแผนอย่างละเอียดก่อน!”

จักรพรรดินีมองหลี่จุ่นทีหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า

“ได้”

เรื่องนี้น่าปวดเศียรเวียนเกล้า จักรพรรดินีเองก็รู้ว่าไม่ว่าจะเป็นแผนการรับมือใดก็ต้องครุ่นคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนถึงจะได้

พลันย่อมไม่ทำให้หลี่จุ่นลำบากใจ

หลี่จุ่นมองปันหมิ่นทีหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไปในฉับพลัน

เมื่อกลับมาถึงยังกระโจม ไม่นานปันหมิ่นก็ตามมา

หลี่จุ่นรีบให้ซือคงซั่วคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก และยังไล่ซั่งกวนเฮ่าออกไปอีกด้วย

เมื่อปันหมิ่นนั่งลง หลี่จุ่นก็เอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“พวกท่านไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับแคว้นฉีหรอกหรือ? เหตุใดจึงบอกเรื่องนี้กับพวกข้าล่ะ? พวกท่านกลัวว่าจะมีเจตนาบางอย่างใช่หรือไม่”

ไอ้สารเลวนี่ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าหลอกนาง!

ช่างน่ารังเกียจจนถึงขีดสุดจริง ๆ!

“เอ่อ...”

เมื่อเห็นแจกันลายครามใบเล็ก บวกกับฟังที่ปันหมิ่นพูด สีหน้าของหลี่จุ่นก็พลันอิหลักอิเหลื่อขึ้นมา

เยี่ยมไปเลย!

ถูกเปิดโปงแล้ว!

ปันหมิ่นจ้องหลี่จุ่น ก่อนจะเอ่ยว่า

“จิ่งอ๋องแอบอ้างเป็นคนของลัทธิขงจื๊อ ก็เพื่อให้ได้เข้าใกล้จักรพรรดินี คิดว่าต้องมีแผนใช่หรือไม่? เงื่อนไขของเราก็ง่ายมากเช่นกัน ขอแค่จิ่งอ๋องส่งส่วนประกอบของดินปืนออกมา พวกเราก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น จิ่งอ๋องอยากจะทำอะไร ก็เชิญตามสบาย ไม่อย่างนั้น...”

“ไม่อย่างนั้น พวกท่านจะกล่าวโทษข้า?”

หลี่จุ่นชำเลืองมองทีหนึ่ง พลันฉีกยิ้มอย่างเย็นชาออกมา!

ปันหมิ่นไม่พูดไม่จา เพียงแต่พยักหน้าอย่างไม่แยแส

หลี่จุ่นยิ่งหัวเราะชอบใจเข้าไปกันใหญ่!

ไม่ได้รีบตบปากรับเงื่อนไขของปันหมิ่น ทว่ากลับหัวเราะอย่างเย็นชาชืด ๆ และเอ่ยขึ้นว่า

“เมื่อครู่ต่อหน้าฝ่าบาทท่านเอ่ยถึงชื่อคนสองคน คนหนึ่งคืออู๋อี๋หลิงผู้บัญชาการแห่งแคว้นฉี อีกคนหนึ่งคือหวังฉวนเหวินอัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นฉี...เช่นนั้นข้าขอบังอาจลองทายดู อัครมหาเสนาบดีท่านนั้น...ก็คือผู้ที่ท่านกับศิษย์พี่เมิ่งของท่านเรียกว่า...อาจารย์ใช่หรือไม่?”

นัยน์ตาของปันหมิ่นหดตัวลง ราวกับตกตะลึงไปเล็กน้อย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน