องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 992

ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบาอยู่ภายใต้แสงจันทร์ยามราตรี เหาะเหินเร็วรี่ไปตลอดทั้งทาง

ผ่านด่านเฮยเฟิงและผ่านเป่ยโจว

สุดท้ายมุ่งหน้าไปยังทางเหนือ!

เดินทางมาได้ครึ่งคืน ในที่สุดก็มาถึงยังฐานที่มั่นของทัพใหญ่แคว้นฉี!

นัยน์ตาของซั่งกวนเฮ่าหดตัว เขาเอ่ยขึ้นว่า

“นี่คือ...”

อวิ๋นเอ๋อร์พาเข้าเข้าไปยังกระโจมหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า

“ตอนนี้นายท่านไปพบปะกับสหายแล้ว พรุ่งนี้ถึงจะได้เจอ คุณชายพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ รอนายท่านกลับมา”

ซั่งกวนเฮ่าพลันขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามขึ้นว่า

“นางไปไหนหรือ?”

อวิ๋นเอ๋อร์ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยว่า “นายท่านสั่งเอาไว้ว่า ให้คุณชายรออยู่ที่นี่แค่นั้น”

ซั่งกวนเฮ่าเพียงขมวดคิ้วเข้าหากัน

ในขณะเดียวกันนี้เอง!

ค่ายทหารทัพใหญ่ของแคว้นฉี

ภายในกระโจมจอมทัพกลางกองทัพ

ซั่งกวนหว่ายเอ๋อร์อยู่ในชุดขาว ใบหน้าคลุมด้วยผ้าสีดำ ท่วงท่าสง่างาม กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าหวังฉวนเหวินอัครมหาเสนาบดีแคว้นฉี

ข้างกายของทั้งสองคน ยังมีอู๋อี๋หลิงผู้บัญชาการแห่งทัพใหญ่แคว้นฉีที่อยู่ในชุดหมวกทองคำและเกราะทองคำ ที่เอวมีพู่และดาบยาวเหน็บอยู่

หวังฉวนเหวินอัครมหาเสนาบดีแคว้นฉีที่ทั้งเคราและผมเป็นสีขาว ผมขาวหน้าแดง มีเลือดฝาด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเมตตา

เขาเทน้ำชาให้ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ด้วยตัวเอง พลันเอ่ยถามขึ้นว่า

“เจ้าสำนักซั่งกวนมายังค่ายเหมันต์ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ?”

มือของอู๋อี๋หลิงที่อยู่ข้าง ๆ กดอยู่บนฝักดาบตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีความประหม่าอยู่เล็กน้อย ทว่าดูแล้วราวกับสงบเป็นอย่างมาก

ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์เพียงแค่มองน้ำชาตรงหน้าทีหนึ่ง แต่ไม่ได้แตะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ข้าบังเอิญทัศนาจรมาเจอที่นี่ ถึงได้รู้ว่าทัพใหญ่ของแคว้นท่านตั้งฐานทัพอยู่ที่แห่งนี้ เมื่อมาพบท่านอัครมหาเสนาบดี ก็หวนนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรหรอก”

หวังฉวนเหวินอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะฮ่า ๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าสำนักซั่งกวนจำข้าได้ เช่นนั้นก็นับเป็นบุญวาสนาของข้าจริง ๆ”

ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์เอ่ยขึ้นชืด ๆ

“ตอนนั้นก่อนที่ท่านอาจารย์เขาจะสิ้นใจ ก็มักจะบ่นคิดถึงท่านอัครมหาเสนาบดีอยู่ตลอด ข้าจะกล้าลืมได้อย่างไรเล่า”

เมื่ออู๋อี๋หลิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย อัครมหาเสนาบดีเฒ่ากับท่านอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ได้เดินในเส้นทางเดียวกันสักหน่อย

“แต่ว่าท่านอัครมหาเสนาบดีก็ยังต้องระวังให้มาก ศิษย์พี่ของข้าผู้นั้นเกิดมาใช้ชีวิตอย่างแมวเก้าชีวิต แต่ก็เพื่อการมีชีวิตรอดของท่านอัครมหาเสนาบดีเอง”

ในตอนนี้เองหวังฉวนเหวินอัครหมาเสนาบดีแห่งแคว้นฉีถึงได้ขมวดคิ้วเข้ากันเล็กน้อย ราวกับนึกพรสวรรค์ในการฆ่าของคนฆ่าหมูนั่นขึ้นมาได้ พลันรู้สึกได้ถึงความน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าอู๋อี๋หลิงที่อยู่ข้าง ๆ กลับเอ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เฮยหลายไป๋หลี่ที่ฆ่าหมูอยู่ในเมืองหลวงมาหลายปีผู้นั้นใช่หรือไม่? ท่านอัครมหาเสนาบดีไม่ต้องกลัวเขาไป! ข้าอยากต่อสู้กับเขาสักทีมานานแล้ว หากกล้ามา...ต้องชี้แนะเขาดี ๆ เสียหน่อยแล้ว!”

มุมปากของซั่งกวนหว่านเอ๋อร์กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

ราวกับเย้ยหยันและเหยียดหยาม

และในเวลานี้เอง!

ด้านนอกก็มีเสียงรายงานขึ้นมาเสียงหนึ่ง!

อัครมหาเสนาบดีเฒ่ารีบเอ่ยขึ้นว่า “เข้ามา!”

หน่วยสอดแนมคนหนึ่งก็ย่างก้าวเข้ามา ก่อนจะทำท่าคารวะแล้วเอ่ยรายงานว่า

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านจอมทัพ...มีจดหมายลับฉบับหนึ่งขอรับ!”

พูดไปพลางมือทั้งสองก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งออกไป!

หวังฉวนเหวินอุทานโอ๊ะเสียงหนึ่ง ก่อนจะรีบรับมาแล้วเปิดอ่านรอบหนึ่งด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็หัวเราะฮ่า ๆ ลั่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ขงจื๊ออย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆ ๆ ข้ามีความสามารถอะไรถึงจะได้รับการเคารพในนามนี้ได้?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน