องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 996

เช้าวันต่อมา

ปันหมิ่นมาที่กระโจมของหลี่จุ่นอีกครั้ง ทำหน้านิ่งขึงขัง ราวกับหลี่จุ่นไปติดหนี้เงินนางมากมายอย่างนั้น

หลี่จุ่นเพิ่งตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นนางก็พลันเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“คิดตกแล้วหรือ?”

หวังฉวนเหวินผู้นั้นเป็นเจ้าลิทธิขงจื๊อหรือเปล่าก็ยังไม่รู้แจ้งแจ่มชัด ทว่าตอนนี้หวังฉวนเหวินจะตายไปทั้งอย่างนั้นไม่ได้ ถึงอย่างไรแคว้นที่ลัทธิทุ่มกำลังสนับสนุนก็คือแคว้นฉี

หากแคว้นฉีเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ลัทธิขงจื๊อของพวกเขาก็จะพลอยซวยไปด้วย

ปันหมิ่นจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ปันหมิ่นแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า

“แคว้นฉีกับแคว้นหนานร่วมมือกันได้ แต่กลยุทธ์โดยภาพรวมต้องใช้ของแคว้นฉีเป็นหลัก!”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินดังนั้น

ความหมายก็คือแคว้นฉีต้องเป็นพี่ใหญ่ แคว้นหนานต้องเป็นน้องเล็ก พี่ใหญ่ว่ายังไงน้องเล็กก็ต้องเชื่อฟัง!

ยายมันเถอะ!

หลี่จุ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน

แต่ว่า

ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของตัวจักรพรรดินีเอง ถึงอย่างไรผลลัพธ์ที่เขาต้องการก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือคนกลุ่มนี้ยกทัพไปโจมตีหลี่เจิ้งด้วยกัน!

ขอแค่ผลลัพธ์นี้ถูกต้อง ที่เหลือจะเดินทางอ้อมหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจแล้ว

ปันหมิ่นเห็นหลี่จุ่นเพียงแค่ขมวดคิ้วเข้าหากัน ก็รีบเอ่ยถามขึ้นว่า

“เป็นอย่างไร? ท่านพอใจในเงื่อนไขนี้หรือไม่?”

หลี่จุ่นชำเลืองมองปันหมิ่นทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า

“เดิมทีข้อนี้มันควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ไม่นับว่าเป็นเงื่อนไขอะไร ไม่แน่ว่าเจตนาเดิมของแคว้นฉีจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว กลับกันท่านดันแก้ไขตามอำเภอใจ มุ่งคิดพยายามจะหาผลประโยชน์จากทางข้า”

“ท่าน!” ปันหมิ่นเดือดดาลนถลึงตาโต!

หลี่จุ่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เกียจขี้คร้าน

“เรื่องการร่วมมือของแคว้นฉีกับแคว้นหนาน ท่านต้องไปคุยกับฝ่าบาท ส่วนปัญหาเงื่อนไข...เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกท่านช่วยหาคนมาให้ข้าคนหนึ่ง แล้วข้าจะไม่ป่าวประกาศตัวตนของอัครมหาเสนาบดีแคว้นฉีออกไป”

“เพ้อเจ้อ!”

ปันหมิ่นรีบเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล!

ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่ยังจะมาต่อรองกับตนอีก!

หลี่จุ่นแบมือ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“เอาเถอะ เช่นนั้นก็นับว่าเจรจาเจ๊งแล้ว ก็รอให้ซือหม่าหยวนกับหลี่เจิ้งส่งคนมาฆ่าอัครมหาเสนาบดีแคว้นฉีท่านนี้ไปก็แล้วกัน ข้าจะดูซิว่า พวกท่านจะกอบกู้สถานการณ์นี้อย่างไร”

ปันหมิ่นพลันเกลียดแค้นขึ้นมาในทันใด!

แทบอยากจจะขึ้นคร่อมไปบนตัวหลี่จุ่น แล้วยิงธนูใส่เขาซ้ายทีขวาทีสักชุด!

“กุนซือไม่ต้องมากพิธีหรอก!”

จักรพรรดินีพยักหน้า พลางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “กุนซือ เรื่องกับแคว้นฉี ควรทำเช่นไรดี? กุนซือคิดแผนรับมือออกหรือยัง?”

หลี่จุ่นครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท ไม่ได้จริง ๆ เรายกทัพไปตีกันเถิด!”

เมื่อจักรพรรดินีได้ยินดังนั้น นัยน์ตาก็พลันเต็มไปด้วยความตกตะลึง!

ยกทัพไปตี?

อึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ความหมายของกุนซือคือ...”

“ในเมื่อแคว้นฉีมองข้ามความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว! แม้แคว้นฉีจะมีทัพใหญ่หกหมื่นนาย แต่ทว่าทัพของเราก็ไม่ได้ไร้ความสามารถ! เชื่อในความสามารถการโยกย้ายกองกำลังทหารของข้า ต้องไม่พ่ายแพ้ในการทำศึกนองเลือดกับแคว้นฉีเป็นแน่!”

หลี่จุ่นเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง!

ถึงขั้นทำเอาปันหมิ่นที่ตามมาอยู่ด้านนอกกระโจมตกใจจะแย่ ปันหมิ่นรีบบุกเข้าไป แล้วเอ่ยเรียกขึ้นว่า

“ฝ่าบาท ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

หลี่จุ่นหันหน้าไปมองสาวน้อยผู้นี้ พลันลอบขำเสียงหนึ่ง!

ฮ่า ๆ สาวน้อย ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าเจ้าต้องตามมาอยู่เบื้องหลัง จึงจงใจให้เจ้าได้ยินอย่างไรเล่า!

ครั้นจักรพรรดินีได้ยินคำพูดของปันหมิ่น ก็รีบเอยถามขึ้นว่า “แม่นางปัน แคว้นฉีมีเงื่อนไขใหม่อย่างนั้นหรือ?”

ปันหมิ่นลอบใช้สายตาค้อนหลี่จุ่นเขม็งทีหนึ่ง ก่อนจะรีบตอบกลับว่า

“ฝ่าบาทเพคะ เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับนกพิราบส่งสารของทัพแคว้นฉีมา แคว้นฉียอมร่วมมือกับฝ่าบาทต่อกรกับราชวงศ์อู่ เพียงแต่แคว้นฉีหวังว่าในด้านกลยุทธ์โดยภาพรวม ฝ่าบาทจะฟังความเห็นของพวกเขาบ้าง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน