ต่อมาเมื่อคิดดูเขาก็ค่อยเข้าใจ ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากจีน ในอดีตคนญี่ปุ่นก็เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติด้วยเช่นกัน แต่หลังจากการฟื้นฟูสมัยเมจิ ชาวญี่ปุ่นก็พยายามแยกตัวออกจากเอเชียและเข้าสู่ยุโรป ดังนั้นจึงเปลี่ยนวันปีใหม่จากปีตามปฏิทินจันทรคติมาเป็นปฏิทินคริสต์ศักราช
ดังนั้น เทศกาลที่ยิ่งใหญ่และเคร่งขรึมที่สุดในญี่ปุ่นจึงเป็นวันปีใหม่สากลในสายตาของคนจีน
ส่วนตอนนี้ ดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยโตเกียวจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูหนาวแล้ว เหล่านักศึกษาล้วนกำลังเตรียมตัวสอบกันอย่างแข็งขัน
เย่เฉินเดินเล่นไปรอบๆวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยโตเกียว ในสมองอดคิดเกี่ยวกับภาพการเรียนของ อิโตะ นานาโกะในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ก็คงยากที่จะจินตนาการ เห็นทีเด็กสาวที่ดูอ่อนแอบอบบางคนนั้น ไม่เพียงแต่เป็นนักเรียนชั้นยอดของมหาวิทยาลัยโตเกียวเท่านั้น แต่ยังเป็นนักต่อสู้แบบฟรีสไตล์ที่โดดเด่นอีกด้วย
ตัวของผู้หญิงคนนี้ล้วนเต็มไปด้วยความขัดแย้งแบบสุดขั้วจริงๆ
เมื่อเดินไปใกล้ห้องสมุด เย่เฉินก็ยังถึงขั้นเห็นโปสเตอร์สนับสนุน อิโตะ นานาโกะบนเสาไฟถนนอีกด้วย
บนโปสเตอร์มีรูปภาพของอิโตะ นานาโกะสวมใส่ชุดนักศึกษา รอยยิ้มที่ดุจดั่งดอกไม้ช่างสดใสสะดุดตาอย่างมาก
อีกทั้งเนื้อหาบนโปสเตอร์ คือการเชิญชวนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียวให้ร่วมเชียร์อิโตะ นานาโกะในการเข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้แบบฟรีสไตล์ของมหาวิทยาลัยนานาชาติจินหลิง
พวกเขายังเรียกอิโตะ นานาโกะว่าเป็น "อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น" "ความภาคภูมิใจของผู้หญิงญี่ปุ่น" และ "คู่แข่งที่แข็งแกร่งสำหรับเหรียญทองโอลิมปิก"
เย่เฉินมองดู แล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
พวกป้ายกำกับเหล่านี้ ดูเหมือนว่าล้วนจัดทำมาโดยนักเรียนที่มีความคาดหวังสูงต่ออิโตะ นานาโกะ
อย่างไรก็ตาม ป้ายกำกับพวกนี้ หากไปถึงระดับหนึ่งแล้วก็คือการอ้างหลักศีลธรรมเพื่อมาบังคับอิโตะ นานาโกะ
นี่ก็คล้ายกับการบอกอิโตะ นานาโกะตลอดเวลาว่าเธอจะต้องชนะ มิฉะนั้น เธอจะทำผิดต่อความคาดหวังอันแรงกล้าต่อญาติสนิทมิตรสหายของคุณ
เมื่อเทียบกับสโลแกนสนับสนุนที่มุ่งเน้นจิตใจแบบนี้ เย่เฉินรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าเพียงแค่พูดกับเธอว่า "แค่พยายามทำมันให้ดีก็พอ ต่อให้เธอจะล้มเหลวพวกเราก็จะสนับสนุนเธอ"
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็ส่ายหัวและถอนหายใจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วถ่ายรูปโปสเตอร์ไว้เป็นที่ระลึก
เมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว ท้องฟ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นมืดสนิท เขาจึงก้าวออกจากมหาวิทยาลัยโตเกียว
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า “ฉันเป็นคนจินหลิง”
พูดจบ เย่เฉินก็ถามเธอว่า “เธอทำงานหรืออาศัยอยู่ในญี่ปุ่น?”
"มาเรียนหนังสือ" หญิงสาวตัวน้อยชี้ไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันเรียนอยู่ที่นี่ และออกมาร้องเพลงเป็นครั้งคราว หารายได้บ้างเป็นบางครั้ง"
เย่เฉินพยักหน้า หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและหยิบเงินออกมาประมาณ 100,000 เยน จากนั้นจึงใส่ลงในกล่องกีตาร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอ
หญิงสาวสะดุ้งตกใจ เธอรีบโบกมือและพูดว่า “คุณคะ คุณไม่ต้องให้เงินมากขนาดนั้น…”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ "พบคนบ้านเดียวกัน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
ขณะเอ่ยไปก็กลัวว่าหญิงสาวจะคืนเงินให้ตัวเอง เขาจึงทำท่าหันหลังจะเดินจากไป
แต่ในเวลานี้เอง ก็มีคนหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นที่โกรธจัดหลายคนมาหาเธอ หนึ่งในนั้นคว้ากีตาร์ของเธอไปแล้วตะโกนดังลั่นว่า "ใครให้เธอมาร้องเพลงที่นี่? เธอได้บอกกับสมาคมไฮกิงบุงเกียวของพวกเราก่อนแล้วหรือยัง? ยังมีอีก ตอนนี้เธออยู่ที่ญี่ปุ่น ร้องเพลงจีนอะไรกัน? รนหาที่ตายใช่ไหม?!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...