อันที่จริงในใจเย่เฉินรู้อยู่แล้ว สี่คนตรงนี้ ต้องเป็นคนของตระกูลซูแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาถูกตระกูลซูส่งมาทำงานที่สำคัญเช่นนั้น ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะต้องเป็นคนสนิทของตระกูลซูแน่นอน
ดังนั้น เย่เฉินจึงอยากให้พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้ากล้อง แล้วเผยแพร่วิดีโอต่อสาธารณะ
แบบนี้ ชื่อเสียงของตระกูลซูคงจะเน่าเสียอย่างสมบูรณ์
ต้องเข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ตระกูลซูทรยศซูรั่วหลีมาก่อน เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อชื่อเสียงของตระกูลซู จึงหวังว่าสุดท้ายคุณท่านซูจะผลักลูกชายคนโตซูโสว่เต้าออกมาเป็นแพะรับบาป แต่บัญชีนอกจากจะจดไว้บนหัวซูโสว่เต้าแล้ว ยังจดไว้ทั้งตระกูลซูอีกด้วย
ถ้าแฉออกมาอีกในตอนนี้ ว่าตระกูลซูยังอยากคิดร้ายกับลูกสะใภ้ของตัวเอง หรือขนาดจะฆ่าเลือดเนื้อของตระกูลซูเองอีกครั้ง งั้นตระกูลซูจะต้องกลายเป็นคนน่าสมเพชเวทนาที่ทุกคนต่างพากันด่าทออย่างแน่นอน
อย่างอื่นไม่ต้องพูด แค่ชื่อเสียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถยืนหยัดอีกได้ในชาตินี้
เหล่าคนสนิทของคุณท่านใหญ่ซูและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง
การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงยุโรปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับหลักฐานสำคัญใด ๆ ต่อประชาชน หากมีหลักฐานยืนยันสิ่งที่ราชวงศ์ได้ทำ ชื่อเสียงของทั้งราชวงศ์ที่อยู่ในโลกจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
ดังนั้น หม่าฉงซิงจึงเตือนตัวเองอย่างลึกซึ้งในใจ:"ไม่ว่ายังไง ฉันก็ห้ามพูดเรื่องที่แท้จริงออกมา มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของคุณท่านใหญ่ซูจะไม่มีตายฟื้นตัวตลอดไป และตนก็จะกลายเป็นคนบาปในสายตาคุณท่านใหญ่ซูอีกด้วย……"
เมื่อคิดเช่นนี้ หม่าฉงซิงก็รีบพูดว่า:"พี่ครับ มีอะไรเข้าใจผิดในเรื่องนี้นึเปล่า? เรากำลังจะช่วยชีวิตคนอยู่นะ……"
เย่เฉินรีบวิ่งไปข้างหน้า จับคอเสื้อของหม่าฉงซิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:"เชื่อรึเปล่า ถ้าคุณยังพูดเรื่องไร้สาระกับฉันที่นี่อีก ฉันจะพาคุณไปที่โรงงานสุนัข สับทีละนิดแล้วโยนให้หมากิน? หรือมัดมือมัดเท้าของคุณแล้วโยนเข้าไปในกรงสุนัข ให้สุนัขกินเป็นเวลาสามวันสามคืนเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน