บทที่ 29 ถ่อมตัวหน่อยจะดีกว่า
เมื่อได้ยินว่าเซียวไห่หลงก็จองที่เทียนเซียงฝู่ไว้เหมือนกัน เย่เฉินก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ช่างบังเอิญเสียจริง หงห้าบอกว่าเทียนเซียงฝู่เป็นของเขาไม่ใช่หรือ?
และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจัดงานเลี้ยงที่เทียนเซียงฝู่ให้เขาเหมือนกันนี่?
ขณะนั้นเองหวังเหวินเฟยที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยอย่างตะลึง “ไห่หลง นี่นายจองห้องระดับโกลด์ของเทียนเซียงฝู่ไว้อย่างนั้นหรือ? นี่ไม่ใช่ห้องที่คนธรรมดาจะจองได้นี่นา!”
เซียวไห่หลงเอ่ยอย่างลำพองใจ “พูดกันตามความจริงนอกจากห้องระดับไดมอนด์ของเทียนเซียงฝู่ที่ฉันจองไม่ได้แล้ว อย่างอื่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ทว่าเป็นเพียงการโอ้อวดของเซียวไห่หลงเท่านั้น
ความจริงแล้วกว่าจะจองห้องระดับโกลด์นี้ได้ นายหญิงใหญ่เซียวถึงกับออกหน้าเองและจ่ายไปไม่น้อย ไหว้วานตั้งหลายคนกว่าจะจองได้สำเร็จ
ต่งรั่งหลินอยู่ที่เย่นจิงก็ได้ยินชื่อเสียงของเทียนเซียงฝู่มาบ้างจึงรีบเอ่ย “เพื่อนกันทั้งนั้นไม่เห็นต้องฟุ่มเฟือยแบบนี้เลย”
เซียวไห่หลงเอ่ยประจบประแจง “คุณเป็นแขกจะเป็นเหมือนเพื่อนทั่วไปได้ยังไง”
เอ่ยจบก็หันไปถามเย่เฉิน “น้องเขย ไม่ทราบว่าแกจ้องร้านไหนไว้?”
เย่เฉินตอบเสียงเรียบ “บังเอิญเสียจริง ฉันก็จองที่เทียนเซียงฝู่ไว้เหมือนกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซียวไห่หลงหัวเราะเยาะเสียงดัง “เย่เฉิน แกพูดโกหกไม่กลัวปวดเอวหรือไง สารรูปอย่างแกแม้แต่ห้องระดับบรอนซ์ที่ต่ำที่สุดยังจองไม่ได้เลย ยังกล้ามาคุยโวอีก”
เย่เฉินทำเพียงยิ้มบางๆพลางเอ่ย “ฉันคุยโวหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรนาย? ฉันไม่ได้เชิญนายไปกินข้าวด้วยเสียหน่อย นายจะยุ่งวุ่นวายทำไม?”
เซียวไห่หลงโต้ตอบเสียงเย็น “ชิ ฉันว่าสารรูปอย่างแก แม้แต่ประตูของเทียนเซียงฝู่ยังเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ต่งรั่งหลินที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าเย่เฉินโดนดูถูกก็ทนดูไม่ได้
เธอรู้ว่าเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ไม่มีเงินไม่มีตำแหน่งในตระกูลเซียว จะบอกว่าจองห้องที่โรงแรมระดับไฮคลาสก็ดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่
คาดว่าเย่เฉินคงพูดเพราะกลัวเสียหน้ามากกว่า
เธอไม่อยากให้เย่เฉินตกที่นั่งลำบากจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากแก้สถานการณ์ “ไอ้หยา เรื่องนี้ไม่ต้องเถียงกันหรอก ไหนๆทุกคนก็จองที่เดียวกันไว้ อย่างนั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”
เซียวไห่หลงเอ่ยเหน็บแนมเย่เฉิน “ครับ เห็นแก่คุณรั่งหลิน วันนี้ฉันจะให้แกกินข้าวฟรีมื้อนึง แกจะได้เปิดหูเปิดตาดูว่าโรงแรมชั้นสูงเป็นยังไง!”
เย่เฉินส่งเสียงหึในลำคอโดยไม่ได้สนใจเขาอีก
ท่านหงห้าเจอเขายังต้องคุกเข่า โรงแรมที่อีกฝ่ายเปิดจะมีค่าอะไรในสายตาเขา?
น่าเสียดายที่คนชั้นต่ำอย่างเซียวไห่หลงไม่เห็นความจริง!
......
เทียนเซียงฝู่เป็นโรงแรมสไตล์จีนโบราณ การตกแต่งและรูปแบบล้วนมีกลิ่นอายความคลาสสิกดั้งเดิม ดูหรูหราเป็นอย่างมาก แม้แต่ประตูทางเข้ายังทำมาจากไม้ชิงชันเกรดดี
เมื่อเห็นการตกแต่งของเทียนเซียงฝู๋เย่เฉินก็อดที่จะตะลึงไม่ได้
คิดไม่ถึงเลยว่าภัตตาคารของท่านหงห้าจะทำได้ไม่เลวเลย อนาคตหากมีโอกาสคงต้องพาภรรยามาบ้างแล้ว
ต่งรั่งหลินสำรวจไปรอบๆพลางอุทานขึ้นมา “ฉันได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือของเทียนเซียงฟู่ตั้งแต่อยู่ที่เย่นจิง ได้มาเห็นกับตาแล้วเป็นอย่างที่เลื่องลือจริงๆ”
เซียวไห่หลงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม “รั่งหลินมาทั้งที แน่นอนว่าต้องหาภัตตาคารที่ดีที่สุดมาต้อนรับสิครับ”
เย่เฉินส่ายหน้าแสร้งทำเป็นโง่ “ฉันไม่รู้ แค่ได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับเขา ส่วนรายละเอียดเป็นยังไงฉันไม่รู้”
“ฮึ!” หวังเหวินเฟยเอ่ยดูถูก “สวะอย่างแกไม่ต้องมาพูดเรื่องตระกูลหวังของฉันลับหลัง หากมีครั้งหน้าอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
เย่เฉินยกยิ้มและไม่ได้สนใจเขาอีก
ช่างโง่สมกับเป็นคนตระกูลเดียวกัน!
ไม่รู้วาพี่ชายตัวเองถูกท่านหงห้าจัดการจนสลบไม่ได้สติหรือนี่? ช่างน่าขำสิ้นดี
ขณะนั้นเองก็มีชายสวมชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา
เย่เฉินรู้สึกว่าคุ้นหน้าถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือหนึ่งในบอดี้การ์ดของท่านหงห้า
ชายคนนั้นเมื่อเห็นเย่เฉินก็จำได้ทันที สีหน้าแสดงถึงการเคารพและเอาใจใส่จนแทบจะโค้งคำนับเขา
เย่เฉินจึงรีบส่ายหน้าให้เขาทันที
ชายชุดดำจึงชะงักไป ในใจก็คิดว่าคุณเย่คงไม่ชอบอะไรที่โอเวอร์เกินไปจึงเอ่ยขึ้น “เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านตามผมมา ห้องอาหารถูกจัดเตรียมไว้แล้ว”
เซียวไห่หลงได้ยินดังนั้นก็อึ้ง การบริการของห้องระดับโกลด์ที่เทียนเซียงฝู่ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตนยังไม่ได้บอกชื่อด้วยซ้ำก็มีคนต้อนรับด้วยตัวเองเลย
ช่างเป็นหน้าเป็นตาเสียจริง!
หวังเหวินเฟยที่อยู่ด้านข้างอุทานออกมา “ไห่หลง เส้นสายของนายใหญ่ใช่ย่อยเลยนะ เหมือนว่าเขาคือคนข้างกายของท่านหงห้า เห็นทีว่าท่านหงห้าคงให้ความสำคัญกับนายมาก หรือว่านายรู้จักท่านหงห้า? ไม่เคยได้ยินนายเอ่ยถึงเลย นายช่างถ่อมตัวจริงๆ”
เซียวไห่หลงยกยิ้มพลางเอ่ยอย่างลำพองใจ “เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเอามาอวดกันเสียหน่อย ถ่อมตัวหน่อยจะดีกว่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...