พอเย่เฉินพูดคำนี้ออกมา เย่ทาวก็พลันตกใจจนตัวสั่น
เหตุผลที่เขาพูดเรื่องเหล่านี้กับเย่เฉิน เดิมทีคิดจะให้เย่เฉินเข้าใจ ว่ากิจการของตระกูลตนในปัจจุบันไม่ได้พึ่งพาตระกูลเย่แล้ว และไม่ต้องให้ตระกูลเย่เสนอแหล่งทัพยากรและความช่วยเหลือใดๆ ดังนั้นตนจึงไม่จำเป็นต้องมาหัวเซี่ยเพื่อรายงานเขาทุกๆ สามเดือน
แต่คิดอย่างไรเย่ทาวก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พูดไปมากขนาดนี้ เย่เฉินถึงกับต้องการให้ตนรั้งอยู่ช่วยเขาที่หัวเซี่ย
เขาพลันสำนึกผิดจนแทบอยากจะตบปากมากของตัวเองสักหลายสิบที!
ทันใดนั้น เขารีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าร้องไห้ “คุณเย่......คุณอย่าถือเอาเรื่องที่ผมพูดเมื่อกี้มาคิดจริงจังเป็นอันขาด เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ผมโม้ทั้งนั้น......”
เย่เฉินถามด้วยสีหน้าท่าทางไม่แยแส “อ้อ? งั้นเหรอ?”
เย่ทาวรีบพงกศีรษะราวกับทุบกระเทียม
ซึ่งเวลานี้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกายเย่ทาว ก็เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เย่เฉิน......ฉันคือพ่อของเย่ทาว เย่หงหยาง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของเธอ ลูกชายคนนี้ของฉันมีนิสัยชอบคุยโม้ตั้งแต่เกิด เป็นคนโง่ที่รู้ครึ่งๆ กลางๆ แล้วอวดฉลาด ฉันด่าเขาไปตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ บอกให้เขาอย่าคุยโม้โอ้อวดอยู่ข้างนอก แต่เด็กคนนี้ก็คือไม่ฟัง......”
พูดจบ เขาก็รีบยิ้มอย่างขอลุแก่โทษพร้อมกล่าวว่า “ตอนนี้คุณเป็นถึงผู้นำตระกูลเย่ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือกับเด็กสารเลวชอบคุยโม้แบบนี้เลย......”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ พูดพึมพำว่า “อ้อ......พูดมาครึ่งวันที่แท้ก็โม้หรือนี่......”
เย่หงยางใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบไปบนศีรษะของเย่ทาง ก่อนจะตวาดว่า “เจ้าคนไม่เอาไหน ยังไม่รีบขอโทษผู้นำตระกูลอีก!”
เย่ทาวบีบฝ่ามือ และดูไม่ออกเลยว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ตรงไหน แต่กลับพูดด้วยสีหน้ากระสับกระส่ายแทน “คุณเย่……ผมผิดเอง ผมไม่ควรคุยโวโอ้อวดต่อหน้าคุณไปเรื่อยเปื่อย……หวังว่าคุณ……อย่าเอาพิมเสนมาแลกกับเกลืออย่างผมเลย……”
เย่เฉินโบกมือ กล่าวขึ้นตามอำเภอใจว่า “โธ่ถัง คนเราเอาแต่จริงจังก็ผ่านวัยเยาว์ไปเสียเปล่า ตอนอายุยังน้อยมีใครบ้างไม่ชอบคุยโวโอ้อวดกัน? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ฉันไม่เก็บเอามาใส่ใจแน่นอน”
เย่ทาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบกล่าวอย่างรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ “ขอบคุณคุณชายเย่ที่มีน้ำใจกว้างขวาง! ขอบคุณคุณชายเย่ที่มีน้ำใจกว้างขวาง!!!”
เย่หงหยางพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม พูดกระอึกกระอักว่า “คือ......คือ......”
“คืออะไร?” เย่เฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะซักถามเสียงเย็น “การพูดชื่อคนคนหนึ่งออกมามันยากเย็นขนาดนี้เชียวเหรอ?”
เย่หงหยางมองเย่เฉินอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง พร้อมรีบร้อนกัดฟันพูดว่า “ฉันเอง......ฉันเอง......คนที่ตัดสินใจคือฉันเอง......”
เย่ทาวมองไปทางบิดาในยามนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว พร้อมกันนั้นก็เจือไปด้วยความละอายถึงสิบส่วน
เย่เฉินมองเย่หงหยาง แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง “แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นคุณ?”
เย่หงหยางพยักหน้าติดๆ กัน ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “จริงครับ......เป็นผมจริงๆ ......”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...