ไม่นาน จิมมี่ก็ถูกหมอและพยาบาลเข็นไปยังศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์
หลังจากฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในร่างกาย เขาก็ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องCT เพื่อทำการสแกนให้ครบถ้วน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผลการสแกนก็ออก หมอหลายๆคนมามุงอยู่ตรงหน้าจอคอม เพื่อตรวจดูภาพCTใหม่ล่าสุดของจิมมี่
หมอเจ้าของไข้เปิดข้อมูลรูปภาพไม่กี่เดือนก่อนขึ้นมาเปรียบเทียบ จากนั้นก็อุทานว่า “ไม่น่าเชื่อ!จุดเพาะเชื้อโรคในร่างกายของจิมมี่ หดเล็กลงจริงๆด้วย!”
เนื่องจากอาการป่วยโรคมะเร็งของจิมมี่อยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว ดังนั้นเชื้อจึงเริ่มลุกลามและถ่ายโอนไปยังส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเหลือง กระดูก ตับและปอด ล้วนแล้วแต่มีจุดเพาะเนื้องอกทั้งนั้น ซึ่งกินพื้นที่ไปไม่ใช่น้อยๆ
ก้อนที่ใหญ่ที่สุด ถึงขั้นมีขนาดเทียบเท่ากำปั้นของเด็กทารกเลยทีเดียว
อีกอย่าง เนื่องจากมีการใช้วิธีรักษามาหมดแล้ว เซลล์มะเร็งของจิมมี่ยิ่งขยายเร็วขึ้นเรื่อยๆ เนื้องอกเองก็ค่อยๆโตขึ้นไม่หยุด
ถ้าพูดตามสภาพการณ์ปกติ ผ่านไปซักครึ่งเดือน เนื้องอกก็จะมีขนาดโตขึ้น
ทว่าตอนนี้ จุดเพาะเชื้อโรคไม่ใช่แค่หยุดโตขึ้นแต่กลับเล็กลงเสียอย่างนั้น!
โดยเฉพาะเนื้องอกก้อนใหญ่ในกะโหลกที่กดทับเส้นประสาทตาและเส้นประสาทหู ตอนนี้หดเล็กลงไปตั้งมิลลิเมตร!
อย่ามองข้ามเเพียงเพราะมีขนาดแค่หนึ่งมิลลิเมตรเชียว เพราะว่าสิ่งที่กดทับเส้นประสาทเอาไว้ก็คือไอ้เจ้าหนึ่งมิลลิเมตรนี่แหละ
สิ่งนี้ทำเอาเหล่าหมอๆเต้นเร้า!
ผู้เชี่ยวชาญทางยาอย่างแมททิวอุทานอย่างตกใจว่า “เราวิจัยเรื่องยาต้านมะเร็งอยู่พอดีเลย และเจ้านี่แหละคือยาต้านที่ดีที่สุด!”
หมอเจ้าของไข้อดที่จะคร่ำครวญออกมาไม่ได้ “ใช่แล้ว! ยานี่มีประสิทธิภาพการรักษาโรคมะเร็งที่ดีเลยทีเดียว ถ้าหากมันสามารถครอบคลุมทั่วทั้งโลกได้ล่ะก็ แผนกรักษาโรคมะเร็งของเราจะได้ไม่ต้องทำงานหนักแล้ว”
สมิธล่ะยอมจริงๆ!
เขาไม่เข้าใจ ทำไมการแพทย์แบบดั้งเดิมของหัวเซี่ยถึงได้มีประสิทธิภาพแข็งแกร่งขนาดนี้
หลังจากกินยาครบเจ็ดเม็ด เขาก็จะสามารถลุกขั้นนั่งได้ ด้วยตัวเองแถมยังก้าวกระโดดบนพื้นได้อีกด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้มะเร็งในร่างกายของจิมมี่เคยมีประวัติการลุกลามมามากกว่าหนึ่งปี โดยเฉพาะกระดูกช่วงขาทั้งสองข้าง ดังนั้นเขาจึงต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียงมาหนึ่งปีเต็มๆ
ผ่านไปแค่หนึ่งปีสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง ต่อให้จะฝืนก้าวได้แค่สิบกว่าเมตร แต่ในมุมมองของหมอผู้เชี่ยวชาญแล้วมันคือปาฏิหาริย์ในปาฏิหาริย์
ตั้งแต่พวกเขาเป็นหมอมาไม่เคยมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ก็เหมือนกับที่พวกเขาไม่เคยเจอผู้ป่วยโรคอัมพาตขั้นสูงลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้งสักคน
คู่สามีภรรยาสมิธตื่นเต้นจนไม่ได้หลับทั้งคืน
ซึ่งสำหรับเจนนี่ นอกจากจะตื่นเต้นและดีใจแล้ว ก็ยังแอบกังวลอยู่หน่อยๆ
ดังนั้น เธอจึงอดเอ่ยถามสมิธขึ้นมาไม่ได้ว่า “ที่รัก วันนี้คุณต้องหาทางเอายาเกิดใหม่เก้าเสวียนอีกกระปุกมาให้จิมมี่ให้ได้นะ ดูจากแนวโน้มแล้ว ถ้าลูกได้ทานอีกกระปุก ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้แน่ๆ!”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอก็สะอื้นออกมา “จิมมี่ไม่ได้นอนที่บ้านมาสามปีแล้วนะ……”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...