สมิธพูดว่า: “ในปัจจุบันยังไม่เห็นผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาให้หายขาดด้วยยาตัวนี้จริงๆ แต่จากข้อมูลทางเภสัชจลนศาสตร์ที่พวกเรามีในตอนนี้ การใช้ยาแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถที่จะฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่าต่อเนื่อง และฤทธิ์ของยาไม่ได้เพิ่มตามยาที่ใช้แต่มีการลดลง ดังนั้นตามรูปแบบคำนวณที่พวกเราทราบในตอนนี้ ตราบใดที่ยาตัวนี้มากเพียงพอ ผู้ป่วยก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สมิธพูดถอนหายใจว่า: “ผมสามารถพูดแบบนี้ได้ ถ้าหากยาตัวนี้วางขายในตลาดอย่างเป็นทางการและมีจำหน่ายในปริมาณที่ไม่จำกัด งั้นการวิธีรักษามะเร็งทั้งหมดในโลกก่อนหน้านี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ผ่านไป เพราะว่าไม่มียาตัวไหนหรือว่าวิธีการรักษาแบบไหน ดีกว่ามัน!”
ในใจของเฟ่ยเข่อซินตกตะลึงเป็นอย่างมาก แล้วก็ถามว่า: “พื้นที่ตลาดสำหรับยานี้ล่ะ? จะมีมากขนาดไหน?”
สมิธคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างจริงจังว่า: “ค่าใช้จ่ายประจำปีในการรักษาโรคมะเร็งทั่วโลก อยู่ที่ประมาณหกแสนถึงแปดแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยาในนั้นคิดเป็นมูลค่าสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหากยาเกิดใหม่เก้าเสวียนจำหน่ายในปริมาณที่ไม่จำกัด อย่างน้อยการผูกขาดก็จะบรรลุส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง น่าจะเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถซื้อยาเกิดใหม่เก้าเสวียนได้ทำเพียงถูกบีบคั้นให้เลือกแผนการรักษาก่อนหน้านี้เท่านั้น”
เฟ่ยเข่อซินอดไม่ได้ที่จะไตร่ตรอง: “ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นกำไรสุทธิของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนหนึ่งปีอาจจะเกินหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ”
“ถ้าหากบริษัทแห่งหนึ่งวางจำหน่ายในตลาดมีกำไรต่อปีเกินหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ งั้นมูลค่าตลาดของบริษัทแห่งนี้ จะมีกำไรอย่างน้อยสิบเท่าต่อปี นั่นก็คือหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ……”
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากแนวคิดของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนยังใหม่เพียงพอ สถานการณ์ผูกขาดของบริษัทก็มีความมั่นคงเพียงพอ มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนอาจจะแซงหน้าบริษัทแอปเปิล และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก……”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า เย่เฉินเป็นเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนหรือเปล่า
ดังนั้น เธอจึงหยิบแท็บเล็ตจากมือของเฉินอิ่งซาน เปิดรูปของเย่เฉินที่ถ่ายจากกล้องติดรถ แล้วยื่นไปตรงหน้าของสมิธ และถามว่า: “คุณสมิธ ผู้จัดการเย่คนนั้นของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนที่คุณเคยเจอหน้า ใช่คนนี้หรือเปล่า?”
สมิธมองดูรูปภาพแวบแรก ก็จำเย่เฉินได้ในทันที
แต่ว่า ตอนนั้นที่เย่เฉินเจอเขา ไม่ได้ทิ้งข้อมูลประจำตัวอะไรไว้
ดังนั้น สมิธจึงไม่รู้ว่าเย่เฉินชื่ออะไร ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะตามหาเขาเจออย่างไร
ตอนนี้เฟ่ยเข่อซินมีรูปถ่ายของเย่เฉิน ก็ย่อมตื่นเต้นมากเป็นธรรมดา
ในเวลานี้เฟ่ยเข่อซินกลับยิ้มเล็กน้อย แอบคิดในใจว่า: “เป็นไปตามที่ฉันคาดไว้จริงๆ เย่เฉินคนนั้น ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์เย่ที่ทุกคนนับถือในเมืองจินหลิง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเจ้าของยาอายุวัฒนะที่แท้จริงอีกด้วย! นอกเหนือจากนี้ เขาถึงขนาดยังเป็นเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนด้วย!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...