ในกรมตำรวจนิวยอร์ก หลี่ญ่าหลินที่ดูการรายงานของสื่อก็กังวลจนนั่งไม่ติด
ตอนนี้ คนทั้งโลกรู้ว่าเฟ่ยฮ่าวหยางถูกลักพาตัวไปในนิวยอร์ก แถมหูทั้งสองของเขาก็ถูกตัดขาด อย่างไรก็ตามจนกระทั่งตอนนี้ก๋ยังไม่พบผู้ลักพาตัวและยังหาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางไม่พบ ซึ่งสิ่งนี้เพิ่มแรงกดดันต่อตำรวจนิวยอร์กทั้งหมดเป็นสองเท่า
หลี่ญ่าหลิน ในฐานะนักสืบชาวจีนที่มีชื่อเสียงก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นไปอีกราวกับมดบนหม้อไฟ
ที่น่าเสียดายก็คือ ที่เกิดเหตุไม่ได้ทิ้งร่องรอยอันมีค่าเอาไว้ จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดได้หลั่งไหลออกไปสืบหาว่ารถบรรทุกขยะสองคันนั้นไปที่ไหนในกลางดึก
หารถยังหาไม่เจอ ดังนั้นหาคนก็ยิ่งยาก
ขณะที่เขากำลังเคว้งคว้างอยู่นั่นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามา
เขาเห็นข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยังคงรับสายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ทำไม ทันทีที่เห็นรายงานของสื่อก็อดมาเยาะเย้ยฉันไม่ได้งั้นหรือ?"
ในสาย ชายคนหนึ่งเอ่ยด้วยเสียงหัวเว่า “ถ้านักสืบชาวจีนอย่างนายบังเอิญสะดุดล้มเข้า ฉันจะต้องเป็นโทรมาเยาะเย้ยนายก่อนแน่ แต่ตอนนี้นนายยืนอยู่ที่ขอบหน้าผาไปแล้ว แล้วฉันจะไปซ้ำเติมนายได้ยังไงกัน?”
ผู้พูดก็คืออานโฉงชิวลุงใหญ่ผู้ถูกเเย่เฉินขับออกจากงานประมูลยาอายุวัฒนะในจินหลิงเมื่อวันก่อน
ในเวลานี้ อานโฉงชิวก็พูดอีกครั้งว่า "นายน่าจะยังอยู่ในสถานีตำรวจสินะ?"
"ใช่" หลี่ญ่าหลินพูดติดตลก “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าต่อไปอีกไม่กี่วันข้างหน้าฉันคงต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
อานโฉงชิวยิ้มและกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก ตอนนี้ฉันอยู่ชั้นล่าง ถ้าหากนายสะดวก ฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้"
หลี่ญ่าหลินมีสีหน้าดูประหลาดใจอย่างยิ่ง เธอคิดจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็อดทนเอาไว้และพูดอย่างเร่งรีบ "ฉันจะให้คนไปรับนาย!"
"ตกลง."
จากนั้นเขาก็รีบหยิบขวดสุราชีเฟิ่งออกจากถุงแล้วอุทานว่า “แม่เจ้า ขวดนี้ถูกเก็บไว้มาหลายสิบปีแล้วใช่ไหม?”
อานโฉงชิวพยักหน้า: "กล่าวกันว่าเป็นช่วงแรกๆของการก่อตั้งสาธารณรัฐ"
หลี่ญ่าหลินถอนหายใจ "ถ้าคุณท่านที่บ้านฉันยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ได้เห็นสุราขวดนี้เข้าจะต้องดีใจแย่แน่!"
บรรพบุรุษของหลี่ญ่าหลินเกิดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนและเป็นนักธุรกิจร่ำรวยที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในช่วงสมัยสาธารณรัฐจีน ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ครอบครัวของเขาก็หนีจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อหนีความทุกข์ทนและตั้งหลักปักฐานในสหรัฐอเมริกา
หลี่ญ่าหลินและอานโฉงชิวมีอายุใกล้เคียงกัน ทั้งคู่ล้วนอายุประมาณ 50 ปี และเป็นทายาทของคนจีนที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เติบโตในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แต่นิสัยหลายอย่างก็สอดคล้องกับคนตะวันตกเฉียงเหนือเพราะอิทธิพลของพ่อแม่
ปู่และพ่อของหลี่ญ่าหลินต่างก็ชมชอบสุราซีเฟิ่งและในรุ่นของเขาก็เช่นเดียวกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...