นายหญิงใหญ่เองก็มีความสุขมากเช่นกัน ขณะที่เธอปาดน้ำตา ด้านหนึ่งก็แทบรอไม่ไหวจนโพล่งออกมา "เร็วเข้า ประคองฉันไปด้านนอก! ฉันอยากเห็นเฉินเอ๋อลงจากเครื่องบินด้วยตาของฉันเอง!"
อานโฉงชิวรีบประคองนายหญิงใหญ่ออกไป ขณะที่น้ารองและน้าสามรวมถึงน้าสาวของเย่เฉินก็เดินตามโดยไม่รู้ตัว
เมื่ออานโฉงชิวเห็นดังนั้นเขาก็รีบพูดว่า “ข่ายเฟิง นายไม่ต้องไปแล้ว อยู่ที่นี่เฝ้าพ่อ หากมีเรื่องฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น นายจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที”
อานข่ายเฟิงลังเลในทันที แต่เมื่อคิดดูแล้วก็รับปากเขา
อันที่จริง เขาก็อยากจะออกไปกับทุกคนเพื่อดูว่าเย่เฉินกลับมาจริงหรือไม่มากเช่นกัน
นั่นเพราะท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดาพี่น้องตระกูลอาน แม้ว่าทุกคนจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออานเฉิงซี แต่ความรู้สึกระหว่างอานข่ายเฟิงและอานเฉิงซีนั้นลึกซึ้งที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่ผ่านมาโดยตลอดของเขานั้นล้วนค่อยๆ พัฒนาขึ้นหลังจากอานเฉิงฉีเสียชีวิตไป
ขณะที่อานเฉิงซียังมีชีวิตอยู่ เขาก็คือผู้ติดตามที่มีความศรัทธาในตัวเธอมากที่สุด
จนกระทั่งอานเฉิงซีเสียชีวิตลง เขาถึงค่อยๆเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมของพี่สาวโดยไม่ได้ตั้งใจและค่อยๆ บรรลุสู่ความสำเร็จในปัจจุบันของเขาทีละน้อย
แต่ในใจส่วนลึกของเขา เขารู้สึกว่า ความสามารถของเขาไม่ได้ดีเท่ากับพี่สาวของเขา
ในเวลานี้เอง
ในตอนท้ายของรันเวย์ เครื่องบินค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจากที่สูงไปต่ำ จากไกลเข้าสู่ระยะใกล้
คนในตระกูลอานเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ
นายหญิงใหญ่อดไม่ได้ที่จะถามลูก ๆ ของเธอว่า "พวกลูกว่า...เฉินเอ๋อจะอยู่บนเครื่องบินไหม?"
ทุกคนล้วนไม่กล้าตอบ นั่นเพราะเย่เฉินได้หายตัวไปเกือบ 20 ปีแล้ว พวกเขาไม่กล้าคาดหวังว่าเย่เฉินจะกลับมาในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเองก็เคยยืนยันคนผิดมาแล้ว ทุกครั้งที่คิดว่าพวกเขาได้พบเย่เฉินแล้ว แต่ในท้ายที่สุดเมื่อพิสูจน์ผลจาก DNA แล้วทุกอย่างก็ล้วนเป็นการยินดีไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นกู้ชิวอี๋ลงมาจากห้องโดยสารของเครื่องบิน พวกเขาต่างก็แปลกใจไปตามๆกัน
ในเวลานี้นายหญิงใหญ่รู้สึกประหม่าอย่างมาก เธอเอาแต่มองไปยังด้านหลังกู้ชิวอี๋ แต่เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังของอีกฝ่าย ในใจก็ผิดหวังอีกครั้งทันที
เธอรู้ว่า หลานชายของตนไม่ได้อยู่บนเครื่องบินอย่างแน่นอน
กู้ชิวอี๋ในเวลานี้ได้เดินมาต่อหน้าฝูงชน จากนั้นก็บังคับอาการประหม่าของเธอและพูดว่า "สวัสดีทุกท่าน ฉันชื่อกู้ชิวอี๋... ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่เย่เฉิน ...
“กู้ชิวอี๋…” นายหญิงใหญ่มองมาที่เธอและรีบถาม “คุณคือหญิงสาวตัวน้อยของตระกูลกู้ที่เฉิงซีเคยพูดถึงใช่ไหม?!”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่ผิด เป็นหนูเองค่ะ…”
จากนั้นเธอก็ถามอย่างสุภาพว่า "คุณน่าจะเป็นคุณยายของพี่เย่เฉินใช่ไหมคะ?"
นายหญิงใหญ่พยักหน้าเบา ๆ "ฉันเอง...เด็กดี ไหนเธอลองบอกยายมาหน่อย ว่าหนูรู้เบาะแสของเย่เฉินรึเปล่า?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...