วางสายผู้บังคับบัญชาไปแล้ว หลี่ญ่าหลินก็เอ่ยพูดกับลูกน้องทันที : “ไม่ไปศูนย์ชันสูตรศพแล้ว ไปเฟ่ยซื่อกรุ๊ปแทน!”
ลูกน้องรีบเอ่ยถามขึ้น : “พล.ต.ท. จะไปที่เฟ่ยซื่อกรุ๊ปทำไมเหรอครับ? เฟ่ยซื่อกรุ๊ปกำลังจะแถลงข่าวแล้ว สื่อมวลชนทั้งหมดของนครนิวยอร์กแทบจะอยู่ที่นั่นกันหมด ท่านจะไปในตอนนี้....ไม่ใช่หรือ.....”
ลูกน้องพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็พูดติดอ่างขึ้นมา อ้ำๆอึ้งๆอยู่นานไม่พูดออกมาเสียที
หลี่ญ่าหลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “ไม่ใช่อะไร? แม่งก็พูดออกมาสิ!”
ลูกน้องรวบรวมความกล้าขึ้นมา แล้วจำต้องพูดออกไป : “ไม่ใช่ว่าเท่ากับ.....เป็น...เป็นการรนหาที่ตายเหรอครับ?”
หลี่ญ่าหลินกัดฟันด่าออกมา : “แม่งเอ้ย! ฉันเป็นตำรวจ ไม่ใช่ฆาตกรฆ่าคนนะ จะนับว่ารนหาที่ตายได้ยังไง?”
ลูกน้องโพล่งออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม : “แต่ว่าสื่อมวลชนเหล่านั้นรอสัมภาษณ์ท่านอยู่นะครับ.....”
หลี่ญ่าหลินรู้ ที่ลูกน้องพูดมานั้นไม่ผิด
คดีสำคัญที่เกิดขึ้นมามากมายขนาดนี้ภายในช่วงเวลาเพียงหนึ่งคืนในนครนิวยอร์ก อีกทั้งยังดึงไปถึงคดีที่ผู้หญิงผู้บริสุทธิ์ตายกันจำนวนมากนั่นอีก ตอนนี้นักข่าวทั่วทั้งนครนิวยอร์กอยากสัมภาษณ์มากที่สุดก็คือคนรับผิดชอบของทางตำรวจนั่นเอง
ทางเบื้องบนนั้นก็ออกคำสั่งมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีการอนุญาตจากเบื้องบน ใครๆก็ไม่กล้าที่จะรับการสัมภาษณ์เองเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ที่รู้สึกกลัวการสัมภาษณ์ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะในสถานการณ์แบบนี้ ตำรวจได้กลายมาเป็นอีกฝ่ายที่ประชาชนและสื่อมวลชนคอยตำหนิไปแล้ว
เพียงแค่ให้พวกเขาได้คว้าโอกาสได้ ไม่ว่าจะเป็นใครที่รับการสัมภาษณ์ ก็จะต้องถูกพวกเขาโจมตีทั้งด้วยคำพูดและตัวอักษรอย่างแน่นอน
ดังนั้น ทางเบื้องบนไม่ให้รับการสัมภาษณ์ ก็กลัวว่าตำรวจจะถูกนักข่าวถามจนพูดไม่ออก ท่าทางหน้าแดงก่ำ ถูกสื่อถ่ายและเผยแพร่ไปทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งทั่วโลก
และนี่ก็เป็นเพราะว่าทำไมหลี่ญ่าหลินถึงโกหกกับผู้บังคับบัญชา ว่าตัวเองจะไปที่ศูนย์ชันสูตรศพ
ถ้าหากเขาพูดว่าตัวเองอยากจะไปที่เฟ่ยซื่อกรุ๊ป ไปเจอซูรั่วหลีคนนั้น เกรงว่าผู้บังคับบัญชาคงจะด่าว่าไปยกใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว
สื่อต่างๆก็ตั้งกล้องตั้งเลนส์แตกต่างกันไป กลัวว่าจะพลาดทุกช็อตของงาน
นอกจากนี้แล้ว สื่อมวลชนหลายๆแหล่งยังดำเนินการถ่ายทอดสดในงานอีกด้วย พวกเขาถ่ายทอดแบบเรียลไทม์ผ่านสองแพลตฟอร์มคือโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ต
เนื่องจากว่าคดีของเฟ่ยฮ่าวหยางเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ดังนั้นในเวลานี้ ไม่เพียงแค่ประชากรของสหรัฐอเมริกาที่กำลังให้ความสนใจกับงานแถลงข่าวนี้เท่านั้น ประชากรประเทศอื่นๆที่อยู่ในเขตพื้นที่และ ช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป ก็รับชมถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวนี้ผ่านจากแพลตฟอร์มบนอินเตอร์เน็ตที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน
ภายในห้องพักผ่อนที่อยู่ข้างๆห้องโถงแถลงข่าวนั้น เฟ่ยเข่อซินที่สวมชุดกระโปรงสีดำและเชิ้ตสีขาว เตรียมตัวที่จะขึ้นเวทีเรียบร้อยแล้ว อาการที่แสดงออกมานิ่งๆ และยังมีความมั่นใจอีกด้วย
ส่วนเฟ่ยเจี้ยนจง เฟ่ยซานไห่ เฟ่ยเสวปิง ปู่ย่าหลานในช่วงสามช่วงสมัยนี้ แต่ละคนก็มีสีหน้าท่าทางที่ดูตื่นเต้นกันทั้งหมด
พวกเขาไม่รู้ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหนที่กำลังรอพวกเขาอยู่ บางทีพอพวกเขาเดินเข้าไปในห้องแถลงการณ์ ก็อาจจะมีคนที่ถอดรองเท้าขึ้นมาปาใส่พวกเขาก็ได้
เฟ่ยเสวปิงในฐานะที่เป็นพ่อของเฟ่ยฮ่าวเหยาง ส่วนลึกในใจนั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุด เพราะถึงอย่างไรเขาเองก็รู้ ว่าการเลี้ยงดูโดยไม่สั่งสอนลูกนั้นเป็นความผิดของพ่อ ตอนนี้เฟ่ยฮ่าวหยางตายไปแล้ว ที่ระบายอารมณ์แรกที่ทุกคนนึกถึง ก็คงจะเป็นเขาอยู่แล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆผมอ่านมา ก้ไม่ได้สงสารหงเยนน่ะ แต่แค่ใจจริงผมให้เลือกว่าใครจะตาย อยากจะให้อีหม่าหลันตายห่าไปมากกว่าอีก ไม่มีหม่าหลันอยู่แม่จะอ่านสนุกกว่านี้มาก...
เองก้อยากให้หม่าหลันเสียสติไม่ใช่หรอเย่เฉิน ส่วนชูหรันมึงก้เข้าข้างแม่ตีวเองเกิ้น รู้ทั้งรู้นิสัย สันดานแม่เป้นงี้ก้ยังเลือกที่จะเข้าข้าง พระเอกทิ้งเองไปหานานาโกะหรือกู้ชิวอี้จะสมน้ำหน้าให้ ดีเกิน กตัญญูจนโง่...
กูไม่เข้าใจจริง ผู้เขียนมึงหลงรักหม่าหลันขนาดนั้นเลย ทำไมต้องให้อีนี่ มันสมหวังที่จะทำร้ายหงเย่นด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้อีหม่าหนักใจจนตาย ทำร้านหงเย้นไม่สำเร็จด้วย คนเขี่ยไร อิจฉาตาร้อนขนาดนี้น เมื่อไหร่แม่งจะตายสักที อีท่าเนี่ย...
พาหลิวหม่านฉงชมมหาลัย ไรมันเกี่ยวไรกับการปรับแต่งแล้วสรรหาเพราะเย่เฉิน เย่เฉินไม่ได้สร้างมหาลัยสะหน่อย หรือเป้นเพราะที่ ที่เย่เฉินเคยมาเรียนหรอ...
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...