ขณะที่เย่เฉินและเฟ่ยเข่อซินกำลังเดินห้างอยู่นั้น หลิวม่านฉงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยกำลังเตรียมข้อโต้แย้งของวิทยานิพนธ์ที่จะมีขึ้นในอีกไม่นาน จู่ๆก็ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่มาจากมหาวิทยาลัยจิงหลิง
เมื่อเห็นชื่อของมหาวิทยาลัยจิงหลิงแล้ว เธอนั้นตื่นเต้นมาก รีบเปิดอีเมลในทันที จากนั้นอดไม่ได้ที่จะอ่านเนื้อหาของเมลออกมาอย่างเบาเสียง
“เรียนคุณหลิวม่านฉง สวัสดีค่ะ ฉันคือเจ้าหน้าที่รับผิดชอบวางแผนจัดหาบุคลากรที่ดีเลิศของทางมหาวิทยาลัยจิงหลิงชื่อหลัวหรุ่ยเสวีย จดหมายแนะนำตัวของคุณ หลังจากผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น คิดว่าคุณสมบัติของคุณเหมาะกับบุคลากรดีเลิศที่เรากำลังจัดหา จึงอยากเรียนเชิญคุณมาร่วมสัมภาษณ์ที่จิงหลิง…….วันและเวลาสัมภาษณ์คือ………..”
อ่านถึงตรงนี้ หลิวม่านอุทานด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “เยี่ยมมากเลย!”
เฉินจื่อเซียวนเพื่อนร่วมคณะและเพื่อนในสาขาวิชาเดียวกันกำลังหาข้อมูลอย่างเงียบๆ อยู่ๆเธอก็ได้ยินหลิวม่านฉงอุทานอย่างเสียงดัง จึงถามด้วยความแปลกใจว่า “พี่ม่านฉง พี่เป็นอะไร เรื่องอะไรที่ทำให้พี่ตื่นเต้นได้ขนาดนี้”
หลิวม่านฉงตอบกลับโดยไม่ต้องคิด “ฉันได้รับจดหมายให้ไปสัมภาษณ์จากมหาวิทยาลัยจิงหลิง รอให้ฉันทำข้อโต้แย้งเสร็จก็สามารถไปสัมภาษณ์ได้เลย หากสัมภาษณ์ผ่าน ฉันก็จะไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยจิงหลิง!”
เฉินจื่อเซียวนพูดอย่างตกตะลึง “ไมใช่มั้ง พี่ม่านฉง พี่ก็จะได้เป็นดอกเตอร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงในไม่ช้านี้แล้ว หากพี่อยากอยู่เป็นอาจารย์ ทางมหาวิทยาลัยอยากได้ตัวพี่อย่างมากอยู่แล้ว ทำไมพี่ยังต้องไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ไม่มีชื่อเสียงล่ะ?”
หลิวม่านฉงพูดอย่างจริงจังมาก มหาลัยจิงหลิงไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ในทางตรงกันข้าม มันคือมหาวิทยาลัยระดับประเทศ คณาจารย์ ทรัพยากร การพัฒนามีความแข็งแกร่งอย่างมาก "
เฉินจื่อเซียวนสังเกตท่าทางของหลิวม่านฉงอย่างละเอียด กล่าวอย่างมั่นใจ “พี่ม่านฉง ฉันรู้จักพี่มานานขนาดนี้แล้ว ฉันนั้นเข้าใจในตัวพี่อย่างมาก คนอย่างพี่น่ะพูดโกหกไม่เป็นเลย พูดโกหกเมื่อไหร่หน้าจะแดงทันที พี่ดูหน้าพี่สิว่ามันแดงขนาดไหนแล้ว ยังจะมาพูดว่าไม่ใช่……..”
หลิวม่านฉงยื่นมือออกไปลูบแก้มตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เมื่อพบว่าแก้มตัวเองนั้นร้อนผ่าวจริง ก็รีบพูดขึ้น “คำพูดเมื่อกี้ให้มันจบอยู่ตรงนี้ เธอห้ามไปพูดกับคนอื่นเด็ดขาด”
เฉินจื่อเซียวนยิ้มตาหยี “ค่ะ ค่ะ ฉันไม่พูดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพี่ม่านฉงสามารถไขความสงสัยในใจฉันหน่อยได้มั้ย ตอนนี้ฉันนึกไม่ออกจริงๆ คนแบบไหนกันนะ? ใช้เสน่ห์อะไร ถึงสามารถมัดใจคุณหนูหลิวผู้เย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างพี่ได้นะ……..”
หลิวม่านฉงถลึงตาใส่เธอ แล้วพูดเตือน “รีบทำงานทำการ อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...