หากรอเขาหายตื่นตูมแล้วกลับไปถึงอเมริกา แม่ของเขายังต้องทำงานในร้านอาหารต่อไป ส่วนลูกเมียของเขาก็ยังคงไร้หลักแหล่ง กระทั่งบ้านที่พวกเขาใช้บังลมหลบฝนอยู่ตอนนี้ เกรงว่าต้องถูกธนาคารยึดไป
ดังนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้เอาตัวหล่างหงจวินไปดีกว่า
ไม่ว่าข้างหน้ามีอะไรรอเขาอยู่ ก็ต้องให้เขาผจญด้วยตัวเองสักครั้ง
บางที หลังจากเรื่องราวเหล่านี้ผ่านไป ประสบการณ์ครั้งนี้ จะช่วยให้ชายวัยกลางคนที่ทั้งสับสนทั้งน่าสงสารคนหนึ่ง หาช่องทางกลับมาได้
เย่เฉินที่ตัดสินใจพาหล่างหงจวินไปด้วย ก็คิดสำนวนต่อไปไว้ในใจทันที และวิธีรับมือที่อาจจะเกิดขึ้นสองอย่างกับตัวเองพร้อมกัน
เขายกเรื่องขอไปเป็นกะลาสีเรือกับหล่างหงจวินขึ้นมาก่อน ถ้าหล่างหงจวินไม่ตกลง ค่อยให้คนของสำนักว่านหลงติดตามไปหลังจากเขาลงจากเครื่อง หารังของอีกฝ่าย
ถ้าหล่างหงจวินหลางหลงจวินตกลง ต่อไปก็มาดูว่าตัวเชื่อมต่อของเหม่ยอวี้เจินจะตกลงหรือไม่ ถ้าตัวเชื่อมต่อก็ตกลง ตัวเขาก็ไปกับหล่างหงจวินอย่างราบรื่น บุกเข้าองคร์กรภายในของอีกฝ่ายได้
แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ตกลง อย่างนั้นก็ใช้แผนการแรก ใช้หล่างหงจวินเป็นเหยื่อล่อ แล้วแอบติดตาม
ครั้นแล้ว เขาก็แกล้งทำเป็นเกิดความคิดพูดกับหล่างหงจวินว่า: “พี่ชาย ไหน ๆ ผมไปถึงมอสโคว์ก็ไม่มีงานทำอยู่แล้ว ถ้ายังไงช่วยแนะนำผมไปเป็นกะลาสีเรือกับคุณดีกว่า”
หล่างหงจวินก็รู้สึกคุยถูกคอกับเจ้าหนุ่มคนนี้ จึงพูดด้วยความสบายใจว่า: “ได้สิ แต่ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว เดี๋ยวลงเครื่องแล้วเจอคนที่มารับผมจะถามพวกเขาดูว่ายังรับคนอีกมั๊ย นายก็ไปด้วยกัน”
“ได้” เย่เฉินหัวเราะแล้วเอ่ยว่า: “ขอบคุณพี่ชาย”
หล่างหงจวินยกมือขึ้นส่าย: “ไม่เป็นไร จริงสิ น้องชายชื่ออะไร?”
“ได้สิ” เย่เฉินเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ: “อย่างนั้นเดี๋ยวต้องให้คุณช่วยพูดให้แล้ว พี่ชาย”
หล่างหงจวินกุลีกุจอพูดว่า: “ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ ก็แค่เรื่องเล็ก อีกอย่างก็ไม่ได้ใช้ฝีมืออะไร ได้ไม่ได้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม ต้องขึ้นกับคนอื่น”
จากนั้น ทั้งสองคนก็ถือพาสปอร์ตของแต่ละคนผ่านด่านคนเข้าเมือง เพราะทั้งสองคนไม่มีมีกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง ดังนั้นพอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ออกจากสนามบินเลย
ในเวลานี้ ตรงช่องทางออกมีคนถือป้ายชื่อรอรับเครื่องอยู่ไม่น้อย ป้ายชื่อนามสกุลส่วนใหญ่เขียนด้วยภาษาอังกฤษหรือไม่ก็ภาษาสเปน ดังนั้นชื่อนามสกุลที่เป็นภาษาจีนจึงหาง่าย
ไม่นาน หล่างหงจวินก็เห็นชายหนุ่มเชื้อสายจีนคนหนึ่ง ถือป้ายที่เขียนชื่อของเขาอยู่ จึงรีบบอกกับเย่เฉินว่า: “อยู่ตรงนั้น ไปเร็ว!”
พูดจบ ทั้งสองคนก็วิ่งเหยาะ ๆ ไป

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...