เย่เฉินโบกมือให้เบาๆ พูดเร่งเร้า“ ทำอะไรให้มันว่องไว รีบไปรีบกลับ”
“ได้ครับ!”หม่าขุยพยักหน้าให้ แล้วส่งสายตาไปให้อะเหลี้ยง ทั้งสองคนก็วิ่งออกไปอย่างไว
เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้ว อะเหลี้ยงอดไม่ได้ที่จะถามหม่าขุย“อาหม่า……คือ……ไอ้เจ้าหมอนี่เป็นใครกันอ่ะ……”
หม่าขุยตบไปที่ใบหน้าของเขาฉาดหนึ่ง พูดอย่างขุ่นเคือง“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แกก็เป็นคนพาเขามา!หากไอ้หมอนี่มีเจตนาไม่ดี ลูกพี่ไม่ฆ่าแกสิแปลก”
“เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะอาหม่า……”อะเหลี้ยงพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย“ตอนนั้นผมก็บอกอาไปแล้ว และอาก็ตอบตกลงด้วย ทำไมตอนนี้ถึงมาโยนความผิดให้ผมคนเดียวซะล่ะ?”
หม่าขุยพูดอย่างเย็นชา“แกยังไม่ต้องมาพูดอะไรไร้สาระกับฉัน ตอนนี้งานด่วนที่สำคัญที่สุดคือรีบรายงานลูกพี่ซะ”
อะเหลี้ยงรีบถามกลับ“อาหม่า แล้วอาคิดว่าไอ้เจ้าหมอนี่จะเก่งกาจจริงไหม ? บัตรใบนั้นของเขาเป็นของจริงหรือเปล่า?”
หม่าขุยตอบอย่างจริงจัง“ต้องจริงอยู่แล้ว ของแบบนั้นเวลาที่สัมผัสดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของที่จะลอกเลียนแบบกันได้ อีกทั้งไอ้เจ้าหมอนี่ก็รู้รายละเอียดของเรา แล้วยังรู้การเคลื่อนไหวของเราด้วย แน่นอนว่าต้องสำรวจตรวจสอบพวกเรามาก่อนแล้ว”
อะเหลี้ยงถามอย่างประหม่า “เขาไม่ใช่พวกตำรวจหรอกใช่ไหม?”
“ไม่……”หม่าขุยโบกมือ“ตำรวจไม่ใช้วิธีการแบบนี้ ไอ้เจ้าหมอนี่มองดูก็รู้ว่ามีประสบการณ์ที่โชกโชน เรามีคนมากขนาดนี้ และอาวุธปืนมากอย่างนี้ แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แล้วยังทำเอาฉันหวาดกลัวจนขาสั่นได้ แกคิดว่านี่คือลักษณะเฉพาะของคนเป็นตำรวจอย่างนั้นเหรอ ?”
ขณะที่พูด หม่าขุยก็หันซ้ายมองขวา แล้วพูดว่า“ตอนนี้ฉันสงสัยว่าไอ้หมอนี่ได้ล้อมเราไว้หมดแล้ว แต่เราแค่มองไม่เห็นเท่านั้น ”
แตกต่างจากนิสัยของคนหัวเซี่ยที่ถ่อมตัวและไม่โอ้อวด ชาวตะวันตกมักชอบใส่ชื่อตัวเองไว้ในองค์กรธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่ใหญ่โตอย่างเครื่องบินโบอิ้ง หรือจะเป็นของชิ้นเล็กอย่างเครื่องดูดฝุ่น ที่ใช้ล้วนก็เป็นชื่อของผู้ก่อตั้งซะเอง
หรือแม้แต่แบรนด์เสื้อผ้าที่ก่อตั้งโดยกลุ่มคนรักร่วมเพศ ก็ยังต้องเอาชื่อของคนทั้งสองมารวมเข้าไว้ด้วยกัน
หากเป็นที่หัวเซี่ย เรื่องแบบนี้ก็แทบไม่มีให้ได้เห็น
แต่ทางแถบตะวันตก มีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ดังนั้น แม้แต่องค์กรอาชญากรนี้ ก็ยังต้องใช้ชื่อของหัวหน้าแก๊งเป็นชื่อขององค์กร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...