ทันทีที่เย่เฉินพูดเช่นนี้ ซูรั่วหลีเฉินจื๋อข่ายและหงห้าต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย
แก้มของซูรั่วหลีแดงระเรื่อทันที สีหน้าเฉินจื๋อข่ายและหงห้าบอกว่าอย่างนี้นี่เอง ราวกับว่าพวกเขาได้เข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่าง
เย่เฉินจะไม่เห็นความลามกบนใบหน้าของคนสองคนนี้ได้อย่างไร เขาจึงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมให้คุณหนูเฟ่ยเตรียมยาสมุนไพรให้ผม คืนนี้ผมจะกลั่นโอสถ ในพวกคุณสามคน รั่วหลีแข็งแกร่งที่สุด เธอตามติดผม หากมีเรื่องอะไรจะสามารถช่วยได้ทันเวลา”
สำหรับเย่เฉิน การกลั่นโอสถระดับสูงเป็นความท้าทายที่ใหญ่
ยิ่งระดับของโอสถสูงมากเท่าใด การสูญเสียปราณทิพย์ในระหว่างการกลั่นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และกระบวนการกลั่นยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
หากระหว่างกลั่นยาเกิดอะไรขึ้นมา เบาคือจะกลั่นยาไม่สำเร็จ หนักคือจะถูกทำร้ายใส่ตัวเอง
แม้ว่าซูรั่วหลีไม่สามารถช่วยในเรื่องการกลั่นยาได้ แต่เธอแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา อย่างน้อยเธอก็สามารถช่วยเย่เฉินหลีกเลี่ยงการรบกวนจากภายนอกให้ได้มากที่สุด ซึ่งการป้องกันเพิ่มเติม
ทั้งสองคนเข้าใจในทันใด จากนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความเสียใจออกมา ซูรั่วหลีก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่คิดมั่ว ๆ เมื่อครู่นี้
จากนั้นทั้งสี่ก็ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด เย่เฉินพาซูรั่วหลีไปที่ห้องเพรสซิเดนท์สูท สั่งซูรั่วหลีให้ปิดประตูหน้าต่างและผ้าม่านให้แน่น แล้วพูดกับซูรั่วหลีว่า “รั่วหลี ผมจะกลั่นยาอยู่ในห้องใหญ่ ก่อนที่ผมยังไม่ออกมาอย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
ซูรั่วหลีพยักหน้าและถามเขา “คุณเย่ค่ะ มีอะไรที่รั่วหลีต้องทำอีกไหมค่ะ”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย: “ไม่มีแล้วครับ อย่าให้คนอื่นเข้ามารบกวนก็พอ”
ซูรั่วหลีทำตามที่เขาบอก หลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างจริงจัง
ในเวลานี้ เย่เฉินกระตุ้นอีกครั้ง “ประสิทธิภาพของการระบายอากาศควรจะเร็วขึ้น และคุณสามารถใช้ปากช่วยหายใจได้”
ซูรั่วหลีทำตามคำสั่งทันที อ้าปากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการหายใจออกและการหายใจเข้า
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งขนาดเท่าหินอ่อนถูกโยนเข้าปากของเธอ เธอลืมตาขึ้นอย่างอัตโนมัติ และก่อนที่เธอจะมีเวลาพูด เธอรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในปากของเธอกลายเป็นกระแสอุ่นทันทีแล้วรวมเข้ากับจุดตันเถียนของเธออย่างรวดเร็ว
เธอตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เฉิน แล้วถามด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณเย่...คุณ...คุณให้ฉันกินโอสถเหรอค่ะ?!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...