เย่เฉินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “คืนนั้นที่พวกเขาเจอผม และรู้ว่าผมเป็นคนจัดการเอาตัวคุณไปแล้ว แต่พวกเขาคงไม่คิดว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ เมื่อพวกคุณเจอหน้ากันแล้ว คุณก็บอกพวกเขาว่ามีบุคลลลึกลับคนหนึ่งให้ยาคุณกินและช่วยชีวิตคุณขึ้นมาได้ จากนั้นจึงให้คุณหนูเฟ่ยพาคุณไปพบพวกเขา ส่วนใครคือบุคคลลึกลับนั้น คุณเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาจะต้องโยงคนที่ช่วยเหลือคุณกับคนที่ช่วยเหลือพวกเขาว่ามีความข้องเกี่ยวกันอย่างไร ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกเขาเดากันเองก็แล้วกัน”
“ได้เลยคุณชายเย่” หลี่ญ่าหลินตอบด้วยท่าทางจริงจัง “ผมเข้าใจแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วเปิดประตูออก เพื่อเรียกคุณหนูเฟ่ยเข้ามา “คุณหนูเฟ่ย รบกวนคุณช่วยจัดเฮลิคอปเตอร์พาพล.ต.ท.หลี่ไปส่งที่อาคารอานปางที่แมนฮัตตันด้วยตัวเองหน่อย และจะให้ดีควรติดต่อน้าชายใหญ่ของผมเอาไว้ก่อน โดยบอกว่าคุณอยากไปเยี่ยมพวกเขา วันนั้นที่ผมช่วยพวกเขาไว้ คุณเป็นคนพาคนไปจัดการเรื่องต่อในที่เกิดเหตุ พวกเขาคงไม่ระแวงอะไรในตัวคุณมากนัก”
เฟ่ยเขอซินกล่าวอย่างนอบน้อม “ได้ค่ะคุณเย่ เดี๋ยวฉันจะติดต่อตระกูลอานไปเดี๋ยวนี้เลย จะได้ทักทายพวกเขาไปก่อน”
……
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
อาคารอานปาง ณ แมนฮัตตัน
คนในตระกูลอานนั่งประชุมอยู่ด้วยกัน เพื่อสรุปและอภิปรายสถานการณ์ทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
ตอนนี้อาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ของคุณท่านอานเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหลังจากตื่นนอนขึ้นมาในแต่ละวัน นายหญิงใหญ่และลูกสาวสองสามคนต่างก็ต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้เขาฟัง
ยังดีที่คุณท่านเคยผ่านเรื่องราวที่หนักหนามาก่อน แม้ว่าเขาจะไม่มีความทรงจำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันนั้นๆ เหลืออยู่แล้ว แต่เมื่อฟังลูกสาวของเขารายงานเรื่องราวให้ฟังแล้ว เขาก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นจนถึงตอนนี้ คนตระกูลอานอยู่ที่นิวยอร์กตลอดมา
“อะไรนะ” อานโฉงชิวกล่าวอย่างประหลาดใจ “ไม่ได้เอาไป?! แล้วเงินก้อนนี้ไปอยู่ไหน”
อานข่ายเฟิงกล่าวว่า “ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นพวกเขาได้ตั้งทรัสต์ครอบครัวขึ้นมา แต่ยังไม่ได้เอาเงินใส่เข้าไปในทันที แต่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับพวกเรา พวกเขาก็เอาเงินทั้งหมดย้ายเข้าไปในทรัสต์ จากนั้นจึงหายตัวไปในทันที”
ระหว่างที่กล่าว อานข่ายเฟิงก็เอ่ยว่า “คาดว่าน่าจะเป็นตอนที่พวกเขาแน่ใจแล้วว่าภารกิจล้มเหลว”
“เวร!” อานโฉงชิวสบถออกมา “คนพวกนี้มันบ้าระห่ำจริงๆ! ไม่เอาเงินไปแต่สร้างทรัสต์ครอบครัวขึ้นมา นั่นเป็นการบอกให้พวกเราได้รู้ว่า พวกเขาจะกลับมาอีกครั้ง!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...