ห้าห้องสามประตูนี้ก็คือขนาดความกว้างเป็นห้าห้อง บานประตูบานใหญ่สามบาน นี่คือขนาดของตำหนักเจ้าผู้ครองนครสมัยสังคมศักดินา
ที่พักด้านในสุดนี้ เดิมทีเป็นตำหนักที่พักของเจ้าผู้ครองนครสมัยราชวงศ์ชิง
ประตูใหญ่นี้ขนาดความสูงประมาณ3-4เมตร ด้านบนประตูเต็มไปด้วยตะปูทองเหลือง เป็นลักษณะที่ไม่ธรรมดาเลย
ส่วนหินรูปสิงโตขนาดใหญ่ที่อยู่ทั้งสองข้าง ก็แกะสลักออกมาอย่างงดงามด้วยเช่นกัน
รอจนถึงตอนที่หญิงสาวเดินไปจนถึงพื้นที่สองในสาม จู่ๆก็ไม่รู้ว่ามีผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดลำลองโผล่ออกมาจากที่ไหน
รูปร่างของชายวัยกลางคนสองคนนั้นสูงใหญ่ แสดงออกมาอย่างหนักแน่น ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ทั้งสองคนขวางเด็กผู้หญิงเอาไว้ และหนึ่งในนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมา : “แม่หนู ที่นี่เป็นที่พักส่วนบุคคล เดินไปข้างในอีกไม่ได้แล้วนะ”
หญิงสาวถูกชายร่างกำยำทั้งสองคนขวางเอาไว้ และไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเอ่ยพูดขึ้นมานิ่งๆ : “รบกวนบอกกับคุณท่านของพวกคุณด้วยว่าหลินหว่านเออร์มา มีเรื่องต้องการพบเขา”
ได้ยินหลินหว่านเออร์พูดว่าต้องการจะพบกับนายท่านของตัวเองแล้ว ชายร่างกำยำที่เอ่ยพูดขึ้นมาคนนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา : “เธอเป็นใครกันแน่?!”
หลินหว่านเออร์เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งเฉย : “ฉันบอกแล้ว ว่าฉันคือหลินหว่านเออร์ คุณไม่ต้องมาถามฉันให้มากความอยู่ตรงนี้หรอก ฉันรู้ว่าพวกคุณมีแนวการป้องกันเป็นอย่างดี ปากระบอกปืนรอบๆที่เล็งมาที่ฉันไม่รู้ว่ามีตั้งเท่าไหร่ ฉันมาวันนี้ ก็คือเพื่อมาเยี่ยมเยียน พวกคุณเพียงแค่เอาคำพูดของฉันบอกกับคุณท่านของพวกคุณ เขาก็จะออกมาต้อนรับฉันเอง”
ชายร่างกำยำคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห : “เด็กนี่พูดจาบ้าๆ! เธอรู้หรือเปล่าว่าข้างในนั้นคือใคร?!”
หลินหว่านเออร์อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ แต่น้ำเสียงก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนกับสายน้ำ : “คุณไม่จำเป็นต้องมาเปลืองคำพูดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเพียงแค่ต้องการให้คุณไปแจ้งให้เท่านั้น หลินหว่านเออร์สามคำนี้ไม่ใช่ยาพิษ แล้วก็ไม่ใช่ระเบิดด้วย ไม่ได้มีผลกระทบใดๆกับหน้าที่ของการปกป้องเขา แต่ถ้าหากเป็นเพราะคุณปฏิเสธที่จะส่งต่อคำพูดและยังทำให้เสียเวลา ซุนจือต้งตำหนิลงมา คุณที่เป็นบอร์ดี้การ์ดจะรับกันไหวหรือเปล่า?”
ประตูบานกลางก็ถูกคนที่อยู่ด้านในเปิดออก
จากนั้น ผู้อาวุโสอายุย่างหกสิบ ก็เดินออกมาท่ามกลางการประคับประคองของคนสองคน
ชายร่างกำยำทั้งสองคนที่อยู่นอกประตูมองดูคุณท่านของตัวเองที่ออกมาเองแล้ว ก็ตกตะลึงจนตาค้างไปในทันที
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นแขกคนไหน จะมีคุณค่าถึงขั้นให้คุณท่านออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
คุณท่านแสดงอาการทั้งดีใจและร้อนใจออกมา ช่วงเวลานั้นที่เห็นหลินหว่านเออร์ ทั้งร่างกายนั้นสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น เขาพยายามที่จะเดินให้เร็วขึ้น ส่วนสองคนที่ประคองเขาอยู่นั้นก็ดูลนลานด้วยเช่นกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...