บทที่ 62 นายจะไปรู้เรื่องอะไร
มองดูฉินเอ้าตงที่โอหัง กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ พากันหยุดหายใจ ครุ่นคิด เย่เฉินคนนี้กล้ามีเรื่องกับคุณชายฉิน ต้องเสียเปรียบไม่น้อยอย่างแน่นอน
ทว่าสีหน้าของเย่เฉินยังคงนิ่งสงบ ยิ้ม:“ฉันว่านายเองก็อยู่ในวงการของโบราณ เคยคิดบ้างไหม ธุรกิจด้านวัตถุโบราณสิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร?”
ฉินเอ้าตงพูดเสียงเย็นยะเยือก :“ให้ความสำคัญกับอะไรที่สุด?”
เย่เฉินหัวเราะ แล้วพูด:“แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกฎระเบียบ!”
พูดจบ ปรับเสียงให้ดังขึ้น ร้องตะโกน:“วัตถุโบราณให้ความสำคัญเรื่องใครมาก่อนก็ได้ก่อน ฉันมาถึงก่อน ต่อให้นายคุกเข่าขอร้องฉัน ถ้าฉันไม่ให้นาย นายก็ไม่มีสิทธิ์แย้งไปซึ่งๆหน้า ไม่อย่างนั้นวันนี้นายทำลายกฎระเบียบไป พรุ่งนี้ใครจะทำมาค้าคายกับนาย? ถึงเวลานั้นคุณชายฉิน คงจะกลายเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนาร ทุกคนจ้องจะทำร้าย!”
เมื่อเขาพูดจบ ฉินเอ้าตงหยุดชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
ในวงการของโบราณมีกฎระเบียบข้อนี้จริงๆ เขาคุยโวว่าตนเป็นคนมีการศึกษา รู้และเข้าใจกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน
ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แพร่งพรายออกไป ร้านค้าที่ปกติเขาไปมาหาสู่ด้วย เกรงว่าต้องถอยหนี กลัวจะมีปัญหากับลูกค้าคนอื่นๆ
ฉินเอ้าตงคิดไม่ถึง คำพูดเพียงไม่กี่คำของเย่เฉินจะทำให้ตนเองถึงกลับไปไม่ถูก!
เขาจ้องเขม็งไปที่เย่เฉิน อยากจะถีบไปที่ใบหน้านั้น
แต่เขายังคงโมโห ฝืนกล้ำกลืนคืนความโมโหลง กัดฟันกรอดแล้วเอ่ยพูด:“ไอ้คนตาต่ำ! แกคิดว่าฉันชอบก้อนหินก้อนนั้นของแกจริงๆหรอ? ฉันแค่อยากให้แกรู้ วัตถุโบราณไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็เล่นได้ แกมันก็แค่คนจนๆ รีบไสหัวกลับบ้านไปทำนาเถอะ จะได้ไม่ทำให้ความสง่างามแปดเปื้อน!”
พูดจบ ฉินเอ้าตงเลิกแขนเสื้อขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง ยื่นแขนไปตรงหน้าเย่เฉินพร้อมกับส่ายไปมา:“เบิกตาของแกดูซะ ดูให้ชัดเต็มสองตา! กำไรหยกเลือดพวงนี้ ฉันซื้อมาจากหลิ่งหนานหนึ่งล้านห้าแสน! แกเคยเห็นของดีแบบนี้มาก่อนไหม?”
กำไลบนข้อมือของฉินเอ้าตงน้ำงามและใสมาก ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องเปล่งแสงสีแดง งดงามมากจริงๆ กลุ่มคนที่อยู่รอบๆพากันเบิกตากว้าง
จางเอ้อเหมามองดูกำไรข้อมือ กลืนน้ำลายลงคอ:“ให้ตายสิ เป็นของดีจริงๆด้วย!”
“หึ! แน่นอน!”ฉินเอ้าตงได้ใจกับปฏิกิริยาของทุกคน
จากนั้น เขาปรายตามองเย่เฉินด้วยสายตาดูถูก เปิดคอเสื้อออก หยิบหยกรูปทรงน้ำเต้าที่สวมบนคอออกมา:“แล้วดูนี่!”
“จี้หยกนี้ จักรพรรดิสุยหยางได้รับพระราชทานเป็นของขวัญตอนบรรลุนิติภาวะ พระสงฆ์แปดสิบแปดรูปตั้งโต๊ะหมู่บูชา ผ่านการสวดมนต์กว่าหนึ่งร้อยแปดวัน! มูลค่าสามร้อยล้าน! ฉันสวมเอาไว้สามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ทำให้ชีวิตโชคดี!”
เมื่อได้ฟังที่มาที่ไปอันยิ่งใหญ่ของจี้น้ำเต้าหยก ทุกคนพากันยื่นคอ ยื้อแย่งกันดู
จางเอ้อเหมากระพือจมูกด้วยความตื่นเต้น ราวกับมีคนตบหนึ่งฉาด ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังจี้น้ำเต้าหยก แววตาเปี่ยมไปด้วยความโลภ อยากจะกลืนจี้นี้ลงท้อง
ฉินเอ้าตงจับจี้น้ำเต้าหยก หัวเราะในลำคอแล้วพูดกับเย่เฉิน:“คนจนเล่นนาฬิกา คนรวยเล่นหยก แกมันก็แค่คนจนๆ แม้แต่เสื้อผ้าที่พอดูได้ยังไม่มีปัญญาซื้อ ยังคิดจะมาเล่นวัตถุโบราณ อยากหัวเราะให้ฟันร่วง”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน กลุ่มคนที่อยู่รอบๆมองไปทางเย่เฉินอย่างพิจารณาเป็นพักๆ
เป็นจริงตามนั้น มองดูแล้วเย่เฉินไม่เหมือนคนรวย เขาแต่งตัวธรรมดาใส่แค่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์และรองเท้ากีฬาเท่านั้น ไม่แตกต่างอะไรกับคนงาน
ทว่าการแต่งกายของฉินเอ้าตง ดูแล้วเหมือนจะเรียบง่าย แต่คนที่รู้และเข้าใจด้านนี้ต่างรู้ดี ชุดที่เขาสวมใส่ราคาไม่ธรรมดา เป็นเสื้อผ้าที่ทำด้วยมือทั้งหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างน้อยๆก็หกหลัก
เย่เฉินมองดูท่าทีได้ใจของฉินเอ้าตง ภายในใจรู้สึกว่าคนนี้เป็นคนตลกจริงๆ ความเป็นจริงเขาไม่ถือว่าเป็นคนไม่ดีอะไร เป็นเพียงแค่คุณชายโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย
ด้วยเหตุนี้ เย่เฉินมองดูเขาอย่างพิจารณา ยิ้มแล้วเอ่ยถาม:“นายรวยมากใช่ไหม? ดูจากกำไลข้อมือของนาย ก็ไม่เลว เพียงแต่น่าเสียดาย......เป็นของปลอม”
ฉินเอ้าตงหยุดชะงัก ตะโกนด้วยความโมโหทันที:“แกพูดเหลวไหล กำไลข้อมือของฉันจะเป็นของปลอมได้ยังไง?”
“ถ้านายไม่เชื่อ รองเอาไปถามเถ้าแก่ร้านวัตถุโบราณรอบๆดูสิ”
เย่เฉินยักไหล่ พูดอย่างมีความหมายแอบแฝง:“มีเงินเล่นวัตถุโบราณ ก็ต้องดูว่าเป็นคนอะไรเล่น ถ้าเป็นคนตาบอดที่ดึงดันจะเข้ามาในวงการวัตถุโบราณ ไม่รู้แต่แกล้งทำเป็นรู้ ในสายตาคนอื่นเขาก็เป็นแค่ไอ้กระจอก แม้แต่นักเล่นก็ยังไม่นับว่าเป็น”
ลำคอของเขากลืนน้ำลายสองสามอึก ราวกับกำลังโมโห
เถ้าแก่ทั้งสองตกใจแล้วรีบกลับเข้าไปในกลุ่มคนทันที ไม่กล้าเสนอหน้าออกมาอีก
เย่เฉินหัวเราะ แล้วพูด:“ตอนนี้นายเชื่อรึยัง? กำไลมูลค่าหนึ่งล้านห้าแสนของนายเป็นก้อนหินที่คนทำขึ้นมาเอง คุณชายฉินรวยจริงๆครับ”
“ครั้งนี้ฉันมองพลาดไป!”ฉินเอ้าตงกัดฟันพูด “ก็แค่หนึ่งล้านห้าแสนเองไม่ใช่หรอ แกคิดว่าฉันจะขาดเงินแค่นี้หรอ? ต่อให้กำไลของฉันจะเป็นของปลอม แต่น้ำเต้าหยกของฉันเป็นของจริง เป็นหยกที่เหมาะสมกับราคาอย่างแน่นอน!”
สำหรับน้ำเต้าหยก ฉินเอ้าตงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์!
เพราะเขาเคยให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูแล้ว น้ำเต้าหยกนี้เป็นหยกน้ำดีโบราณ อยู่ในราชวงศ์สุย!
เย่เฉินหัวเราะในลำคอ:“กล้าเอาของอัปมงคลแบบนี้ มาเป็นของล้ำค่าพกติดตัว เกรงว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครโง่เหมือนนายแล้ว!”
“แกพูดอะไร! พูดเหลวไหลชัดๆ!”
ฉินเอ้าตงร้องตะโกน โมโหจนเส้นประสาทนูนออกมา
เย่เฉินพูดเสียงเรียบ:“ของอัปมงคลแบบนี้ แต่นายกลับเอาพกติดต่อ ตอนนี้ยังไม่ตายถือว่านายโชคดีมากแล้ว”
สีหน้าของฉินเอ้าตงกระอักกระอ่วน แต่เพราะบทเรียนที่ได้รับเมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าคำพูดของเย่เฉินเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ถลึงตาโตแล้วเอ่ยถาม:“แกมีสิทธิ์อะไรพูดแบบนี้?”
“นายดูรูปทรงของน้ำเต้าหยกให้ดี!”
เย่เฉินพูดเสียงเย็นยะเยือก:“ ตอนที่นายสะสมหยก ไม่เคยศึกษาดูก่อนหรอ ว่าหยกที่มีรูปทรงแบบนี้ ใช้ทำอะไรกันแน่?”
ฉินเอ้าตงพูดหยิ่งผยองอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่:“นี่ นี่เป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะของจักรพรรดิสุยหยาง!น้ำเต้าเป็นตัวแทนของความโชคดี คนที่เล่นหยกต่างรู้ดี เรื่องนี้ฉันรู้มากกว่าคนจนๆอย่างนาย!นายจะไปรู้เรื่องอะไร!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...