ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 1034

เว่ยหย่งเจิ้งทำได้เพียงพยักหน้า อดไม่ได้ที่ถอนหายใจ: “ถ้ากลั่นเหล้าได้สักหนึ่งกิโลกรัมก็ดีนะ แช่โสมไว้ในเหล้า เวลาที่ขึ้นไปบนภูเขา พอหนาวๆก็เอาไปดื่มสักอึก เหล้านั้น ต้องดีมากแน่ ๆ!”

เว่ยฉางหมิงพูด: “เหมือนว่าแม่ม่ายหลี่กลั่นเหล้าเป็นนะ วันหลังมีโอกาส ผมจะไปคุยกับเธอให้ ไม่แน่ในบ้านของเธออาจจะมีเหล้าซ่อนอยู่ก็ได้”

สองพ่อลูกเดินพูดคุยกันท่ามกลางลมหนาว หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน

ทั้งสองไม่ได้กลับบ้านที่ทรุดโทรมของตัวเองทันที แต่คลำหาทางไปที่บ้านของไอ้นักล่าในหมู่บ้าน

แม้ว่าภูเขาฉางไบจะสงบสุข แต่ทุกคนก็หากินกับภูเขา กลับไม่ได้ขาดแคลนอะไร

เมื่อก่อนทุกคนในหมู่บ้าน มักจะไปล่าสัตว์บนภูเขา

แต่ตอนนี้คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็จะออกไปท่องโลกข้างนอกแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครล่าสัตว์กันแล้ว

ไอ้นักล่าเป็นนักล่าสัตว์มืออาชีพเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน

ถ้าใครในหมู่บ้านอยากกินอาหารป่า ก็เอาเงินหรือไม่ก็สิ่งของอย่างอื่น แต่ก็แลกกับเนื้อได้ไม่มากกลับไป

เว่ยฉางหมิงจ้องอาหารป่าของเขาตาเป็นมันมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะเขาจนมากๆ กว่าจะได้กินให้อิ่มมันไม่ง่าย จะมีของอะไรที่พิเศษเพื่อไปแลกเนื้อมากินล่ะ

วันนี้เขารู้สึกตะกละอยากกินอาหารดีๆมากแล้ว แถมเมื่อวานไอ้นักล่าเพิ่งล่ากวางโรเดียร์มาตัวหนึ่ง เขาจึงริเริ่มความคิด ไม่ว่ายังไงเขาต้องเอาเนื้อกลับมาลองชิมให้ได้

เมื่อมาถึงที่นอกรั้วของบ้านไอ้นักล่า เว่ยฉางหมิงดันรั้วเบาๆและแอบมองข้างใน ว่าแล้วเนื้อกวางโรเดียร์ถูกแขวนไว้ที่ลานจริงด้วย

ครั้นแล้วเขาจึงกระซิบกับพ่อของเขาเว่ยหย่งเจิ้งว่า: “พ่อก้มลง ให้ผมเหยียบไหล่พ่อขึ้นไป”

เว่ยหย่งเจิ้งก็ตะกละอยากกินของดีๆเช่นกัน รีบลงไปหมอบลงที่มุม ให้เว่ยฉางหมิงก้าวขาขึ้นไป และเข้าไปในลานด้วยตัวเอง

ไม่นานเว่ยฉางหมิงทำได้สำเร็จ และแอบขโมยขากวางมาได้ แขวนไว้ที่ข้างเอวและคลานออกมา

เพิ่งคลานออกมาได้ ก็บอกพ่อด้วยความตื่นเต้นว่า: “ขากวางนี้อย่างน้อยก็ 5 กิโลกรัม พอให้เรากินได้เป็นสัปดาห์เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน