ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 1120

เย่เฉินตอบรับคำหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ได้ครับ เพียงแต่บันไดนี้ค่อนข้างชัน ตอนลงคุณระวังหน่อยนะ”

ซ่งหวั่นถิงยื่นมือนุ่มนิ่มออกมาอย่างเขินอาย ออกไปตรงหน้าเย่เฉิน พูดเสียงเบาหวิว “ปรมาจารย์เย่ รบกวนช่วยพยุงฉันลงไปหน่อยได้ไหมคะ? ไม่งั้นฉันเกรงว่าจะลื่นล้มเอา...”

อันที่จริง เธอไม่ได้กลัวจะลื่นล้มหรอก แต่อยากจะอาศัยโอกาสนี้ ใกล้ชิดสนิทสนมกับเย่เฉินให้มากขึ้นหน่อย

เย่เฉินเห็นว่าบันไดศิลานี้ยาวมากจริงๆ แถมยังชันมากด้วย ทอดยาวจากริมฝั่งยื่นตรงเข้าไปในชายหาด เด็กสาวตัวคนเดียวอย่างซ่งหวั่นถิง หากว่าลื่นล้มลงไปจริงๆ ล่ะก็ ผลลัพธ์คงเลวร้ายจนไม่อยากจะนึกถึงเลย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงจับมือกระจ่างนวลเนียนของซ่งหวั่นถิงไว้ จูงเธอเดินอย่างระมัดระวัง ลงบันไดศิลาไป

ตอนนี้บนชายหาดก็ไม่มีใครเลยสักคน บนแม่น้ำมีเรือสองสามลำแล่นผ่านบ้างเป็นครั้งคราว เครื่องยนต์ดีเซลดังครึกๆ เสียงดังมาก แต่เมื่อแล่นบนผิวน้ำกลับไม่รู้สึกว่าหนวกหูสักเท่าไหร่

หลังจากมาถึงชายหาดแล้ว เย่เฉินก็ปล่อยมือของซ่งหวั่นถิง เงยหน้ารับสายลมเย็นฉ่ำบนแม่น้ำ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ นะคะ”

ซ่งหวั่นถิงยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง ทัดปอยผลไปไว้หลังหู เอ่ยไปว่า “ตอนยังเด็กฉันชอบมาที่นี่ที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นคุณพ่องานค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นทุกวันล้วนเป็นคุณแม่ที่พาฉันมา”

พอพูดไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจอย่างโศกหมองอยู่บ้าง เอ่ยต่อว่า “ตอนนั้น คุณแม่จะขับรถพาฉันมาจอดรถไว้ตรงนั้น จากนั้นก็เดินลงบันไดศิลามา จูงมือฉันอย่างระมัดระวังเหมือนที่คุณทำเมื่อกี้”

เย่เฉินหยักหน้านิดๆ

ช่วงที่ตนเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็มักจะนึกถึงพ่อแม่ของตนอยู่บ่อยครั้ง

ตอนเด็กๆ ยังไม่เข้มแข็งเท่าปัจจุบันนี้ ทุกครั้งที่นึกถึงพวกเขาตนจะซุกตัวอยู่ในโปงผ้าห่ม หรือไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ในซอกมุมหนึ่งแล้วร้องไห้อย่างขมขื่น

แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ตนก็ค่อยๆ เคยชินไปเสียแล้ว

ชีวิตที่ยากลำบากในวันวาน ทำให้เขาได้ทราบถึงหลักการอันล้ำค่ามากมาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน