บทที่ 118 สับละเอียดแล้วโยนให้สุนัขกิน
ท่าทีของคุณชายหลี่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ซ่งหวั่นถิงถึงกับตะลึง คางจะตกหล่นลงไปกองที่พื้นอยู่แล้ว!
แม้ว่าในใจจะโมโหต่อการกระทำของคุณชายหลี่เมื่อก่อนหน้านี้ แต่ว่าตอนนี้ก็ดีใจถึงขนาดอยากที่จะตะโกนเสียงดังออกมา
แต่เธอก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้ พูดว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็นัดหมายเวลาและสถานที่สำหรับจัดพิธีการลงนามเซ็นสัญญา”
คุณชายหลี่ก็รีบพูดกลับว่า: “เซ็นสัญญายิ่งเร็วยิ่งดี อย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะบินมาที่เมืองจินหลิง มาคารวะคุณซ่งด้วยตนเอง! ”
ซ่งหวั่นถิงวางสายโทรศัพท์ และใกล้ที่จะเคารพเลื่อมใสในตัวของเย่เฉิน......
เมื่อสักครู่ทั้งสองครั้งที่พูดคุยโทรศัพท์กับคุณชายหลี่ ก็สามารถที่จะเห็นถึงความเก่งกาจของเย่เฉินบ้างแล้ว
อาจารย์ล่ายนักหลอกลวงผู้นั้นเมื่อทำลายประตูเป็นเพียงหนึ่งเดียวของค่ายล็อกมังกร คุณชายหลี่ก็โทรศัพท์มาหาเพื่อปฏิเสธการร่วมมือ และยังพูดว่าอาจารย์ฮวงจุ้ยของคุณพ่อของเขารู้ว่าตนเองมีโชคชะตาที่ไม่ดี และเมื่อเย่เฉินได้ทำลายค่ายลง ฝ่ายตรงข้ามก็โทรศัพท์มาหาทันทีบอกว่าตนเองโชคชะตาด้านเงินทองโชคลาภดีมาก ซึ่งนี่ก็คือหลักฐานที่ยืนยันบอกถึงความสามารถของเย่เฉินได้เป็นอย่างดี
ซ่งหวั่นถิงที่ตกตะลึงยังไม่ทันจะหาย ก็ได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งซึ่งเป็นคนแปลกหน้าโทรเข้ามาหา ฝ่ายตรงข้ามถามว่า: “ขอถามว่าใช่คุณซ่งใช่ไหม? ”
“ใช่ฉันเอง คุณคือใครเหรอ? ”
ฝ่ายตรงข้ามพูดว่า: “คุณซ่ง ฉันคือผู้จัดการร้านสินค้าแบรนด์ Hermes สัปดาห์ที่แล้วคุณได้มาลองชุดเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ร้านของเรา คุณยังจำได้ไหม? ”
ซ่งหวั่นถิงพูดว่า: “ใช่ จำได้ มีอะไรเหรอ? ”
ฝ่ายตรงข้ามพูดว่า “คือว่าแบบนี้ เมื่อสักครู่พวกเราพบเจอเครื่องประดับเพชรหนึ่งเส้นที่ตกหล่นอยู่ในซอกมุมของห้องลองเสื้อผ้า บนเครื่องประดับนั้นสลักชื่อของคุณไว้ จึงคิดว่าทางคุณน่าจะได้ทำตกหล่นเอาไว้ที่ร้าน ดังนั้นจึงโทรศัพท์มาเพื่อสอบถามและยืนยัน! ”
ซ่งหวั่นถิงตื่นเต้นสั่นไปทั้งตัวในทันที แล้วถามต่อว่า “สร้อยข้อมือตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ? อยู่ที่คุณใช่หรือเปล่า? ”
“ใช่แล้ว อยู่ที่ร้านของเรา”
“อย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปรับกลับคืน! ”
เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว ซ่งหวั่นถิงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่น้ำตาจึงไหลออกมา เธอมองไปที่เย่เฉิน ซาบซึ้งใจอย่างที่สุดสะอึกสะอื้นและพูดว่า: “คุณเย่ สร้อยข้อมือที่แม่ของฉันหลงเหลือเอาไว้หาเจอแล้ว ขอบคุณคุณเป็นอย่างมากจริง ๆ...... ”
เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า: “หาเจอก็ดีแล้ว หากคุณซ่งร้อนใจ ก็รีบไปเอาสิ่งของกลับคืนมาเถอะ! ”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า แล้วรีบเขียนเช็คเงินสดยี่สิบล้าน มอบให้แก่เย่เฉิน พูดว่า: “คุณเย่ นี้คือสิ่งตอบแทนความขอบคุณจากใจของฉัน ขอให้คุณรับมันเอาไว้! ”
เย่เฉินยิ้ม ปัดแกว่งมือไปมา
ยี่สิบล้าน?
ตนเองไม่ขาดแคลนเงินยี่สิบล้านนี้จริง ๆ......
ตนเองมีเงินสดเกือบหมื่นล้านอยู่ที่บ้านก็ไม่รู้จะนำไปใช้จ่ายอะไร แล้วจะรับเงินยี่สิบล้านของเธอไปเพื่ออะไรกัน?
ครั้นแล้ว เขาก็พูดว่า: “คุณซ่ง คุณกับฉันก็นับว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินค่าตอบแทน”
ซ่งหวั่นถิงก็ยังยืนหยัดและพูดว่า: “คุณเย่ เงินยี่สิบล้านนี้เป็นสินน้ำใจของฉัน ดังนั้นหวังว่าคุณจะรับมันไว้! ไม่อย่างนั้นฉันคงรู้สึกเสียใจเป็นแน่!”
เย่เฉินพูดว่า: “คุณซ่ง วันหลังเราคงอาจจะได้พบเจอกันอีก แล้วทำไมจะต้องมาคิดคำนวณให้มันชัดเจนแบบนี้”
ซ่งหวั่นถิงเมื่อได้ยินดังนั้น ก็กระจ่างในทันที เธอรีบเก็บเช็คขึ้น และกล่าวคำขอโทษว่า: “ขอโทษด้วยคุณเย่ คือฉันเองที่โง่เขลา อนาคตหากคุณเย่มีเรื่องอะไร ก็บอกกันมาได้เลย ซ่งหวั่นถิงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ! ”
เย่เฉินตกลง แล้วพูดว่า: “ก็ตามนี้ รีบไปเอาสร้อยข้อมือของคุณกลับคืนมาได้แล้ว! ”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า เธอก็ทนรอไม่ไหวแล้วที่จะนำสร้อยข้อมือของตนเองกลับคืนมา ดังนั้นหลังจากที่ขอบคุณเย่เฉินอย่างที่สุดแล้ว ก็เร่งรีบให้ลุงวีขับรถพาเธอออกไปจากบ้าน
เย่เฉินเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา ก็ได้พูดเอาไว้แล้วว่าวันนี้เขาจะมีทุกข์ขนาดเลือดตกยางออก ยังจะไม่เชื่อ ก็น่าสมน้ำหน้าอยู่หรอก
เมื่อเรื่องทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อยหมดแล้ว ท่านหงห้าก็ขอบคุณเย่เฉินอย่างที่สุด และได้ส่งเย่เฉินกลับบ้าน
......
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เซียวชูหรันยังคงกำลังวิจัยเรื่องงานอยู่
เย่เฉินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ที่จริงแล้วตัวเย่เฉินเองนั้นต้องการที่จะสนับสนุนให้เซียวชูหรันเปิดบริษัทจัดตั้งธุรกิจขึ้น แต่เห็นว่าเซียวชูหรันเองก็ไม่ได้มีความคิดแบบนี้ เขาจึงไม่พูดอะไร
เขาไม่ต้องการให้เซียวชูหรันเหนื่อยเกินไป ถ้าหากว่าเปิดบริษัทจัดตั้งธุรกิจเองแล้ว งานในช่วงแรกเริ่มนั้นยุ่งยากมากมาย และตามลักษณะนิสัยของเซียวชูหรันเองที่จะต้องลงมือทำเองในทุกอย่างแล้ว กลัวว่าจะต้องเหนื่อยและลำบากพอสมควร
ในช่วงหัวค่ำ เย่เฉินรับสายโทรศัพท์ของหวังเต้าคุนที่เป็นเพื่อนรักสมัยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย
นับจากที่ได้ช่วยเหลือหวังเต้าคุนจัดการกับชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นที่โรงพยาบาล เมื่อปลดปล่อยความโมโหออกไปแล้ว เย่เฉินก็ไม่ได้ไปหาเขาอีกเลย ที่สำคัญเป็นเพราะที่บ้านมีธุระมากมาย ไม่มีเวลาที่จะไปมาหาสู่กันจริง ๆ
หวังเต้าคุนบอกกับเย่เฉินผ่านทางโทรศัพท์ว่า เขาฟื้นฟูร่างกายได้ดีพอสมควรแล้ว และวันนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย
เนื่องมาจากก่อนหน้านี้ที่เย่เฉินได้ช่วยเขาเรียกร้องสิทธิเอาโรงแรมกลับคืน และยังได้เงินชดเชยกลับมาอีกกว่าเป็นล้าน ดังนั้นเขาเรื่องแรกที่เขาทำหลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็คืออยากที่จะชวนเพื่อนสมัยเรียนที่สนิทสนมรับประทานข้าวด้วยกัน
เย่เฉินได้ยินว่าเพื่อนรักออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ตอบตกลงรับคำชวนอย่างไม่ลังเล
ขณะนั้น เซียวชูหรันเพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ถามเย่เฉินว่า: “ดึกขนาดนี้แล้ว ใครโทรศัพท์มาหาคุณเหรอ?”
เย่เฉินบอกว่า: “เต้าคุนออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะชวนกันไปทานข้าว พรุ่งนี้เราไปด้วยกันนะ”
เซียวชูหรันพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ตกลง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...