ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 119

บทที่ 119 หวังเต้าคุนเชิญทานอาหาร

ช่วงกลางวันของวันรุ่งขึ้น

เย่เฉินขับรถ พาภรรยาเซียวชูหรัน มาถึงที่ Maple Forest Hotel

แม้ว่า Maple Forest Hotel จะไม่ได้เป็นโรงแรมชั้นนำของเมืองจินหลิง แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับหรูหรา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของหวังเต้าคุน

ครั้งนี้หวังเต้าคุนคงจะจ่ายหนักพอสมควรทีเดียว จองห้องอาหารวีไอพีใน Maple Forest Hotel

ภายในห้องอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา รองรับได้ถึงยี่สิบคน มีค่าบริการขั้นต่ำเริ่มต้นที่เจ็ดแปดพัน

เมื่อเย่เฉินและเซียวชูหรันมาถึง ภายในห้องอาหารมีคนมาถึงแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งนอกจากหวังเต้าคุนและต่งรั่งหลินแล้ว ยังมีเพื่อนสมัยเรียนอีกหลายคน

ช่วงระยะนี้ต่งรั่งหลินมีชีวิตที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

เธอจากเมืองเย่นจิงมาอยู่ที่เมืองจินหลิงก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เพื่อต้องการมีโอกาสได้พบเจอและใกล้ชิดกับประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ป แต่ว่า ตนเองทำงานมาก็นานแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเจอประธานกรรมการตัวตนจริง ๆ สักครั้ง!

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ตนเองทำงานในบริษัทในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร แต่ในตอนนี้ ถูกย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายแล้ว ทุกวันต้องออกไปข้างนอกวิ่งไปวิ่งมา ยิ่งทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกับประธานกรรมการ

และสิ่งทำให้เธอรู้สึกยิ่งทรมานมาก ก็คือครั้งก่อนได้รับการช่วยชีวิตจากผู้ชายลึกลับคนหนึ่ง และเธอก็นึกถึงผู้ชายคนนั้นโดยตลอด

ดังนั้น ความปรารถนาที่จะเจอกับประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ปนั้น ไม่รุนแรงเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องการที่จะพบเจอกับผู้มีบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ เพราะว่าเธอรู้สึกว่าตนเองเมื่อครั้งที่พบเจอกับผู้ชายลึกลับผู้นั้นแล้วก็เกิดความเสื่อมใสศรัทธา

แต่ว่าเธอคงคิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้ว ประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ป และผู้ลึกลับที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ จะเป็นคนคนเดียวกัน ซึ่งก็คือเย่เฉิน

เมื่อเห็นเย่เฉินและเซียวชูหรันเดินเข้ามาในห้องอาหาร หวังเต้าคุนก็รีบลุกขึ้นยืน พูดว่า: “เย่เฉินชูหรัน พวกคุณมากันแล้ว เชิญนั่งเชิญนั่ง”

หวังเต้าคุนทักทายเย่เฉินและเซียวชูหรัน ด้วยน้ำเสียงที่เคารพ สำหรับเพื่อนรักคนนี้แล้ว เขาทั้งนับถือและซาบซึ้งใจ

เมื่อต่งรั่งหลินเห็นเขาทั้งสองแล้ว สีหน้าก็ดูซีดโทรมลงเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตนเองมีคำพูดมากมายแต่ไม่รู้จะพูดกับใครดี เมื่อเห็นเซียวชูหรัน จึงเกิดความอยากที่จะระบายขึ้นมาทันที

ครั้นแล้วเธอก็เดินเข้าไปคล้องแขนของเซียวชูหรัน พูดอย่างไม่มีเรี่ยวแรงว่า: “ชูหรัน เราสองคนไปนั่งด้วยกันเถอะ ฉันมีเรื่องที่จะระบายให้คุณฟัง”

เซียวชูหรันยิ้มแล้วพูดว่า: “คุณเป็นอะไรไปอีกแล้ว ท่าทางดูไม่ค่อยจะสดชื่นเลย? ”

ต่งรั่งหลินถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ก็เป็นเพราะว่าชายลึกลับที่ช่วยชีวิตฉันนั้นไง ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะตกหลุมรักเขาแล้ว ตอนที่ฉันหลับตาลงในสมองก็จะมีแต่เขา นอนหลับก็ฝันถึงเขา แต่ก็ยังคงหาตัวเขาไม่เจอสักที ต้องทำอย่างไรดี......”

“เรื่องนี้ ฉันก็ไม่มีวิธีเช่นกัน...... ” เซียวชูหรันโบกมือปฏิเสธอย่างจำใจ หลังจากที่ต่งรั่งหลินได้รับการช่วยเหลือจากชายผู้ลึกลับนั้น ก็พูดบ่นทุกวันว่าต้องหาเขาผู้นั้นให้เจอให้ได้ และจะมีลูกกับเขา แต่คนจำนวนมากมาย จะไปหาเขาคนนี้เจอได้ที่ไหน?

เย่เฉินที่กำลังจะนั่งลงข้าง ๆ ได้ยินคำพูดที่เซียวชูหรันคุยกับต่งรั่งหลิน เหงื่อออกเต็มบริเวณหน้าผาก ต่งรั่งหลินตกหลุมรักตนเองแล้วอย่างนั้นเหรอ?

ทำไมไร้สาระอย่างนี้ ต้องห้ามไม่ให้ต่งรั่งหลินรู้เด็ดขาดว่า ชายเทพบุตรผู้นั้นคือตนเอง ไม่อย่างนั้นคงจะเกิดเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!

หลังจากที่ชนเหล้าครบวงสามรอบ และทานอาหารเสร็จแล้วนั้น หวังเต้าคุนก็เริ่มปลุกเร้าบรรยากาศ: “ทุกท่าน วันนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามา ฉันขอคารวะทุกท่านหนึ่งแก้ว”

พูดจบ เขาก็ยกดื่มหมดแก้ว

เพื่อนสมัยเรียนที่สนิทสนมต่างก็ตะโกนโห่ร้อง: “ประธานหวังดื่มเก่งอยู่แล้ว! ”

เย่เฉินยิ้มอย่างสุภาพ และยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเล็กน้อย

“ได้ยินว่าประธานหวังตอนนี้เป็นเถ้าแก่ใหญ่แล้ว เปิดธุรกิจโรงแรมของตนเอง และยังมีเงินสดอีกกว่าสองล้าน แถมยังรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่อีก ต่อไปจะต้องดูแลพวกเราด้วยนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน