หม่าจงเหลียงถือว่าเซว์ซิงหลงเป็นตัวเรียกเงินของเขามาโดยตลอด ค่าคุ้มครองรายปีที่จ่ายโดยเขาเพียงคนเดียวนั้นก็มากถึงเจ็ดแปดล้านแล้ว หักลบส่วนที่ต้องมอบให้ท่านหงห้าแล้ว หม่าจงเหลียงยังมีเงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองตั้งสองถึงสามล้าน
ดังนั้น ทันทีที่ได้ยินว่าเซว์ซิงหลงจะฆ่าใครสักคน เขาก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว: “ได้ครับ รอสักครู่นะครับ ผมจะพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
หลังจากที่เซว์ซิงหลงกล่าวขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งแล้ว เขาก็วางสายและมองเย่เฉินอย่างเย้ยหยัน: “ไอ้หนู อย่ามาโทษฉันที่ไม่ให้โอกาสนายมีชีวิตรอดก็แล้วกัน ฉันบอกให้นายคุกเข่าลงตั้งแต่แรกแล้ว แต่นายไม่ยอมหวงแหนโอกาสไว้เอง และถึงแม้ว่านายจะคุกเข่าลงตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว”
เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้มว่า: “เมื่อกี้คุณโทรหาใครเหรอ? พี่เสี่ยวหม่าคือใครอ่ะ? เขาคือโจวเหวินฟะจากภาพยนตร์เรื่อง “โหด เลว ดี” หรือเปล่า?
“อย่าบ้าไปหน่อยเลย!” เซว์ซิงหลงกล่าวอย่างเย็นชา: “พี่เสี่ยวหม่าก็คือหม่าจงเหลียงเขาเป็นลูกน้องหนึ่งในโฟร์ผู้ยิ่งใหญ่เทนโนของท่านหงห้า!”
เมื่อซุนหงเหว่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว เขาก็รีบพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นว่า: “เย่เฉิน วันนี้ฉันต้องขอโทษจริงๆ! นายรีบพารับชูหรันออกไปจากนี่เถอะ หม่าจงเหลียงและเซว์ซิงหลงมีความสัมพันธ์ที่ดีมากจริงๆ และเขาเป็นพวกอันธพาลและมักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยม ฉันไม่ต้องการให้นายและชูหรันได้รับบาดเจ็บเพราะฉัน…”
เย่เฉินยิ้มและกล่าวว่า: “หงเหว่ย นายไม่จำเป็นต้องขอโทษผมสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้หรอก แต่ผมรู้สึกเกรงใจนายเล็กน้อย นายอย่าโทษผมที่หาแม่เลี้ยงให้กับนายเลยนะ”
“เอ่อ...” ซุนหงเหว่ยพูดไม่ออก
ซุนหงเหว่ยคิดเสมอว่าเย่เฉินก็แค่ล้อเล่นกับพวกเขาเท่านั้น เขาไม่ได้จริงจังกับมันเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเย่เฉินจะจริงจังกับสิ่งที่เขาพูดจริงๆ!
นี่...นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย?
ในเวลานี้เย่เฉินมองไปที่เซว์ซิงหลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณบอกว่ามีโฟร์ผู้ยิ่งใหญ่เทนโนแต่ทำไมคุณถึงเรียกมาแค่คนเดียวล่ะ มาแค่คนเดียวมันก็หมดสนุกน่ะสิ! หรือมิฉะนั้น คุณเรียกอีกสามคนที่เหลือมาด้วยสิ! อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกสาวคุณเชียวนะ ยิ่งมีคนมาร่วมงานเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“แกไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม!” เซว์ซิงหลงกัดฟันและดุด่าว่า: “ได้ ฉันจะปล่อยให้นายคลั่งไคล้ไปก่อน และเดี๋ยวนายก็จะได้รู้ว่าข้อแลกเปลี่ยนของความบ้าคลั่งนั้นคืออะไร!”
เย่เฉินส่ายหัวและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: “ไอ้แก่และยัยแก่ผู้ชั่วร้ายเอ๊ย พวกคุณอายุเกือบ 60 ปีแล้ว ทำไมพวกคุณถึงยังอารมณ์ร้อนนัก? พวกคุณเห็นไหมว่าผมยังเด็กมาก แต่ผมไม่เคยอาละวาดเลย และผมก็พูดจาอย่างใจเย็นเสมอ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เย่เฉินก็ถอนหายใจและพูดว่า: “งั้นผมขอเรียกคนมาเชียร์คุณมากกว่านี้ดีกว่า”
เซว์ซิงหลงพูดด้วยความเยาะเย้ยว่า: “ไอ้หนู นายกล้าขู่ฉันเหรอ ถ้านายแน่จริงก็ไปเรียกคนมาสิ เราทั้งสองฝ่ายจะได้แข่งขันกันอย่างเห็นเลือดเห็นเนื้อจริง!”
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีรถยนต์สีต่างๆ เจ็ดแปดคันขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูฮิลตันโดยมี Volkswagen Phaetonนำหน้า
มีชายวัยกลางคนหน้ายักษ์ผู้หนึ่งก้าวลงมาจากรถยนต์ Volkswagen Phaetonคันนั้น
เมื่อเซว์ซิงหลงมองเห็นชายผู้นี้ เขาก็หันไปพูดกับเย่เฉินด้วยความเยาะเย้ยว่า: “ไอ้หนู พี่หม่ามาแล้ว วันนี้นายไม่รอดแน่”
เย่เฉินไม่เคยเห็นหม่าจงเหลียงมาก่อน แต่เมื่อเขาเห็นรถเก๋ง Volkswagen Phaetonคันนี้ ก็มีภาพในอดีตปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขาในทันที
สมัยนั้นเขาและชายหนุ่มเจี่ยงหมิงโตมากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกัน และเพื่อปิดบังความพ่ายแพ้จากการแข่งรถ คาดว่าเขาน่าจะขับรถเบนซ์ของตัวเองไปชนใส่รถ Volkswagen Phaetonคันหนึ่ง และถ้าเขาเดาไม่ผิดคนคนก็คือหม่าจงเหลียง
มุมปากของเย่เฉินขยับขึ้นเล็กน้อย และคิดในใจว่าเรื่องนี้กำลังน่าสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้ว
------------

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...