พอเซียวชูหรันได้ยินคำพูดอันเรียบเรื่อยนี้ของเย่เฉิน ในใจก็ตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง
เธอจึงเดินมาหยุดข้างกายเย่เฉินอย่างทนไม่ไหว จากนั้นก็คลอเคลียอยู่ในวงแขนของเขาอย่างแผ่วเบา เงยหน้ามองดวงดาวจุดเล็กๆ บนท้องฟ้า พูดด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขว่า “ผ่านปีใหม่ไปแล้ว ก็จะเป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่สี่ของพวกเรา”
“ใช่แล้ว” เย่เฉินก็อดทอดถอนใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เช่นเดียวกัน “สี่ปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน”
“เร็วเหรอ?” เซียวชูหรันเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้านิดหน่อย สี่ปีมานี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะกับตัวคุณ เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้ว”
เย่เฉินลูบจมูกป้อยๆ “ทำไม? ผมเปลี่ยนไปเหรอ?”
เซียวชูหรันพยักหน้ากล่าวว่า “เปลี่ยนอยู่แล้วสิ! ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่มอบให้กับผู้อื่น หรือจะเป็นกลิ่นอาย บรรยากาศรอบๆ ตัวคุณ เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปจากตอนที่เพิ่งแต่งงานมากโขเชียวล่ะ”
พูดจบ เธอก็พูดพึมพำเสียงเบาว่า “แต่นี่ก็ประหลาดเหลือเกิน พอคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ใหญ่มากเป็นพิเศษ แต่บางครั้งก็คิด รู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งล้วนแสนจะธรรมดา เหมือนว่าเดิมทีคุณก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว......”
เย่เฉินถอนหายใจอย่างแผ่วเบา แล้วกล่าวกับเธอว่า “จริงสิ ที่รัก เรื่องที่จะไปดูฮวงจุ้ยที่เย่นจิงผมตัดสินใจแล้ว ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้ช่วงเช้า”
“จะไปพรุ่งนี้แล้ว?” เซียวชูหรันถามอย่างแปลกใจ “ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้?”
เย่เฉินยิ้มกล่าวว่า “นี่ก็เข้าเดือนสิบสองแล้ว อีกยี่สิบวันก็จะปีใหม่แล้ว ลูกค้าทางนั้นก็ร้อนใจมากเช่นกัน จึงคิดว่าก่อนสิ้นปีเรื่องที่ควรจัดการก็ควรจัดการให้เสร็จเรียบร้อย เราไม่อาจฉุดขาหลังของผู้อื่นได้”
เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจังว่า “ที่รัก แม้ดูฮวงจุ้ยจะได้เงิน แต่ฉันเองก็ไม่ต้องการให้คุณวิ่งรอกไปทั่วสารทิศบ่อยๆ อีก หลังจากคุณพูดเรื่องนี้จบแล้ว ฉันมักจะคิดอยู่ตลอดว่าเราสองคนแต่งงานจนเกือบจะเข้าปีที่สี่แล้ว เหมือนว่าจะยังไม่เคยแยกจากกันนานเป็นวันมาก่อน พอคิดว่าคุณจะไปเย่นจิงหลายวัน ในใจฉันจึงยิ่งไม่คุ้นชิน...”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจอย่างแห้งเหี่ยวออกมาเล็กน้อย “คุณเองก็รู้ว่า ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ฉันอันที่จริงก็ระหองระแหงมาตลอด ตั้งแต่แม่ฉันเล่นพนันแพ้ไปสองล้านกว่า และเพราะหลังจากที่การขายตรงถูกเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พ่อฉันจึงเหมือนกับว่าได้หมดรักแม่ฉันไปแล้ว โดยเฉพาะน้าหานคนนั้นที่จู่ๆ ก็กลับมา ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็เปลี่ยนเป็นระหองระแหงยิ่งกว่าเดิม...”
“ทุกวันพอฉันเลิกงานกลับมา ก็จะเห็นพวกเขาสองคนหมางเมินกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน ในใจจึงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง และคุณสามารถมอบความอบอุ่นให้กับที่บ้านฉันได้บ้าง หากคุณไม่อยู่หลายวัน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพวกเขายังไงดี”
แต่ว่าเขาเองก็ยินดีเช่นกันที่เซียวชูหรันไม่รู้ฐานะของตนเอง ดังนั้นจึงยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “ได้ ไปหนนี้ผมจะต้องหาโอกาสเที่ยวชมให้มากๆ”
เซียวชูหรันกล่าวยิ้มๆ ว่า “เมื่อก่อนตอนที่คุณปู่ยังไม่เสีย เคยพาฉันไปเย่นจิงหลายครั้ง ความรู้สึกที่ท่านมีต่อเย่นจิงลึกซึ้งเป็นพิเศษ ฟังจากที่ท่านเล่ามา บรรพบุรุษของเรา สมัยตอนที่ยังเป็นบ่าวรับใช้ให้กับตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งในเย่นจิง ตระกูลนั้นมีบุญคุณต่อพวกเราสูงเทียมฟ้า เพียงแต่ต่อมาเพราะภัยสงคราม จึงต้องอพยพบ่าวรับใช้ออกไปส่วนหนึ่ง”
พูดจบ เธอก็กล่าวอีกว่า “แต่สาเหตุที่ตระกูลเราสามารถใหญ่โตได้ในเวลาต่อมา ล้วนเป็นเพราะว่าตอนที่ตระกูลเศรษฐีนั้นอพยพไป ได้มอบเงินสร้างตัวให้เป็นจำนวนมาก”
เย่เฉินถามยิ้มๆ ว่า “แล้วปู่คุณเคยบอกบ้างไหมว่าตระกูลเศรษฐีนั้นมีชื่อแซ่ว่าอะไร มีเบื้องหลังยังไง?”
“ไม่เคยค่ะ” เซียวชูหรันส่ายหน้า พร้อมกับกล่าวอย่างจริงจังว่า “แต่เมื่อก่อนคุณปู่รู้สึกเสียใจมาตลอด บอกว่าไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณอันล้าฟ้าของตระกูลนี้ ตั้งแต่ฉันจำความได้ ปู่มักพูดมาตลอดจนเกือบจะยี่สิบปีเชียวล่ะ! แต่สองสามปีหลังจากนั้นคงจะปล่อยวางได้แล้ว จึงไม่ได้พูดถึงมันอีก”
พอพูดถึงตรงนี้ เซียวชูหรันก็นึกอะไรบางอย่างได้ จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “อ้อ ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว เหมือนว่าหลังจากที่เราสองคนแต่งงานกัน เขาก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลย!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...