เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เฉินเตรียมอำลาครอบครัวของกู้ชิวอี๋ จากนั้นตัวเขาก็นั่งแท็กซี่ตรงไปที่สถานีรถ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า กู้เย้นจงจะยืนกรานที่จะขับไปส่งเขาด้วยตัวเอง
ซึ่งมีหลินหว่านชิวและกู้ชิวอี๋ เดินทางร่วมกันกับเขาด้วย
เย่เฉินไม่อยากให้พวกเขาต้องเสียแรงเปล่า แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงไป
ระหว่างทาง กู้เย้นจงก็ขับรถโรลส์-รอยซ์ของเขา โดยหลินหว่านชิวนั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนเย่เฉินและกู้ชิวอี๋นั่งอยู่เบาะหลัง
จิตใจของกู้ชิวอี๋ตกต่ำตลอดเวลา แต่เนื่องจากพ่อแม่ของเธอก็อยู่ในรถด้วย เธอจึงไม่ได้เอ่ยปากพูด ด้วยท่าทีที่ดูจะหนักใจตลอดทาง
เมื่อเห็นว่านอกหน้าตาสามารถมองเห็นโครงร่างของสนามบินแล้วกู้ชิวอี๋ก็รวบรวมความกล้าแล้วยื่นมือออกไป จับฝ่ามือของเย่เฉินไว้อย่างเงียบๆ และมือเล็กๆ ของเธอก็บีบมือของเย่เฉินไว้อย่างแน่นหนา
เย่เฉินหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว ก็พบว่ากู้ชิวอี๋มองมาที่ตัวเขาด้วยสายตาที่ทั้งคับแค้นใจทั้งดื้อรั้นก็ทำให้เขาอดรู้สึกผิดอยู่ในใจไม่ได้
รถโรลส์-รอยซ์ก็จอดลงที่ประตูทางออกของสนามบิน เย่เฉินจึงค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกจากมือของกู้ชิวอี๋ และพูดกับทั้งคนสามว่า "คุณลุงกู้ คุณน้าหลิน และหนานหนานครับพวกคุณอย่าเพิ่งลงจากรถนะครับ สนามบินคนเยอะ หากถูกคนเห็นเข้ามันจะไม่ดีเอา โดยเฉพาะหนานหนาน ที่ยังเป็นบุคคลสาธารณะอีกด้วย”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างเร่งรีบว่า “ฉันสวมหน้ากากได้!”
ในขณะนั้นหลินหว่านชิวก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พอแล้วหนานหนาน แม้ว่าลูกจะสวมหน้ากาก ลูกก็ทำได้แค่ส่งเฉินเอ๋อไปถึงที่ประตูตรวจเช็คความปลอดภัยเท่านั้น และระยะทางทั้งหมดก็ไม่ได้ไกลมากหรอก ดังนั้นอย่าเสี่ยงเลย”
กู้เย้นจงก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ใช่แล้วลูก อย่าทำให้พี่เย่เฉินต้องลำบากเลย"
"งั้นก็ได้ค่ะ..." กู้ชิวอี๋ทำได้แค่พยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปที่เย่เฉิน พร้อมกับพูดว่า "พี่เย่เฉินคะ หลังจากขึ้นเครื่องแล้วอย่าลืมบอกฉันด้วยนะ หลังจากลงจอดแล้วก็ต้องบอกฉันด้วย”
เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ได้ ผมเข้าใจแล้ว พวกคุณวางใจเถอะครับ”
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็ลงมาจากรถและหยิบกระเป๋าใบเล็กจากท้ายรถ
หลังจากนั้น เขาก็โบกมือลาตระกูลกู้ครอบครัวสามคนนั้นผ่านหน้าต่างรถ แล้วหันหลังเดินเข้าไปในสนามบิน
ทันทีที่เขาเข้าไปในสนามบิน เขาได้รับสายจากต่งรั่งหลินว่า "เย่เฉิน มาถึงสนามบินหรือยัง?"
ดังนั้น เขาจึงฉวยโอกาสเวลานี้ ไปเดินซื้อของที่ร้านค้าแถวๆ สนามบิน
เนื่องจากในชีวิตปกติของเขาแล้ว ความต้องการของสิ่งของนั้นต่ำมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคิดได้ว่าควรจะซื้อของขวัญอะไรไปฝากภรรยากับพี่ชายภรรยาของเขาอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อคิดได้ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงวัยไหนต่างก็ชอบกระเป๋าดังนั้นเย่เฉินจึงเดินเข้าไปในร้านขายของโดยเฉพาะแอร์เมสอย่างไม่ลังเล
ซึ่งราคาของแอร์เมสนั้นแตกต่างกันไกลมาก โดยราคาที่ถูกหน่อยจะอยู่ที่แสนหยวนโดยประมาณ แต่นี่ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะสินค้าระดับสูงของพวกเขานั้นอาจมีราคาแพงถึงพันล้านเลย
เพราะเย่เฉินสวมเสื้อผ้าธรรมดาพนักงานในร้านที่ทำตัวเย่อหยิ่งนั้นทำตัวต่อเขาอย่างดูถูกแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรที่จะเป็นเจตนาร้ายกับเขา เพียงแต่ท่าทีของเธอนั้นค่อนข้างจะดูถูก
เย่เฉินก็ไม่ได้ให้ความสนใจมาก เขามองไปรอบๆ ในร้านและเขาถูกใจกับกระเป๋าถือหนังจระเข้รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด ในตู้โชว์
ซึ่งกระเป๋าถือใบนี้เป็นสีส้มคลาสสิกของแอร์เมสและลายของหนังนั้นก็สวยงามสมบูรณ์แบบ และฝีมือการช่างก็หรูหรามากเช่นกัน ไม่ว่าใช้ในวันว่างๆหรือใช้งานในเชิงธุรกิจ ก็เหมาะทั้งนั้น
เย่เฉินเรียกพนักงานคนนั้น พร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “สวัสดีครับ ผมต้องการกระเป๋าใบนี้ ช่วยห่อให้ผมด้วย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...